ปชป. ภายใต้การจัดการของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน”

ฉากต่อไป คำไหนคำนั้น ปชป. ภายใต้การจัดการของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน”

แสงแห่งความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้น สิ้นสุดเสียงมาดามเดียร์ หลังมติที่ประชุมไม่ถึง 3 ใน 4 ให้สามารถลงชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคได้ ก่อนหน้านั้น ชวน หลีกภัย ลุกขึ้นเสนอชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมร่ายยาวเหตุผลคุณสมบัติที่เหมาะจะนำพรรคในเวลาวิกฤตเช่นนี้

อภิสิทธิ์ ลุกขึ้นขอบคุณทันควัน ชี้แจงข้อครหา ที่เคยมีในศึกเลือกตั้งหัวหน้าพรรคครั้งนี้ โดยระบุว่า ‘วันนี้ไม่ใช่เรื่องใครชนะใครแพ้ และวันนี้พรรคเดินต่อไม่ได้ถ้าไม่มีเอกภาพอย่างแท้จริง ผมลง ผมแพ้น่าจะมีปัญหา ผมลง ผมชนะ ยิ่งมีปัญหาเข้าไปใหญ่’ นี่คือเสียงของอภิสิทธิ์ก่อนขอคุยเฉลิมชัย เรื่องทิศทางและอุดมการณ์พรรคส่วนตัว

เต็มไปด้วยดรามาหลังภาพการพูดคุยไม่ถึง 10 นาที อภิสิทธิ์เดินออกมาด้วยคำว่า ผมเข้าใจตรงกันกับเฉลิมชัย ก่อนปิดท้ายในที่ประชุมขอลาออกจากสมาชิกพรรค และเดินออกจากที่ประชุมทันที หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มเพื่อนมาร์ค สาธิต ปิตุเตชะ ประกาศลาออกตาม พร้อมซัดแรงถึงเฉลิมชัย ระบุ ‘คนที่ไม่รักษาสัจจะอย่าว่าเป็นหัวหน้า แค่เป็นนักการเมืองยังไม่ได้’
หลังจากนั้นที่ประชุมเลือกชื่อเฉลิมชัย ขึ้นดำรงตำแหน่ง ขณะที่นายชวน กล่าวเพียงสั้นๆ ‘ขอให้ไม่มีอุปสรรค’ ก่อนเดินออกจากห้องประชุมไป ส่วนเหตุผลที่หลายฝ่ายยังเคลือบแคลง ‘ไหนบอกว่าจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต’ เฉลิมชัย ตอบว่า ‘ขอให้ไปถาม 21 สส.’ ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และเขาเองไม่ได้พยายามปฏิเสธถึงสิ่งนี้

ทั้งหมดนี้คือดราม่าที่เกิดขึ้น หลังชื่อ เฉลิมชัย ถูกดันขึ้นเป็นหัวหน้าคนที่ 9 แต่เพียงผู้เดียว ดูเหมือนว่าประวัติของเขาจะแปลกแหวกขนบมากที่สุดก็ว่าได้เมื่อเทียบหัวหน้าพรรคคนก่อนๆ ที่ผ่านมา ที่มีทั้งบุคลิก หน้าตา ความรู้ความสามารถที่โดดเด่นทั้งในสภาและนอกสภาฯ แม้เขาจะบอกว่าเป็นคนพูดน้อย และเล่นการเมืองไม่เป็น แต่วันนี้ชัดแล้วว่ากระบวนการทั้งหมดที่ได้มาซึ่งชัยชนะนั่น คือ หมากที่เริ่มเดินมาตั้งแต่ต้นหลังจุรินทร์ ลาออกหัวหน้าพรรค

ไล่เรียงทิ้งท้ายประวัติเฉลิมชัย จบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง ปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยเกริกและคว้าตำแหน่ง ดร. จากราชภัฏพระนคร ปัจจุบันอายุ 58 ปี เติบโตทางการเมืองจากสนามท้องถิ่นจังหวัดประจวบ ก่อนก้าวขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรคฯ และเลขาธิการพรรค และตำแหน่งรมต. ในกระทรวงแรงงานและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ส่วนเลขาธิการพรรค เป็นนายเดชอิศม์ ขาวทอง จากกลุ่มบ้านใหญ่ในจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรคที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพลพรรค ในกลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย ที่คอยสนับสนุนเป็น ‘ดาวล้อมเดือน’ ให้เขามาถึงจุดนี้

แน่นอนว่าชัยชนะของกลุ่มบ้านใหญ่ครั้งนี้ ย่อมจะนำทิศทางพรรคให้เรียวลง และอาจพร้อมกลายสถานะเป็นพรรคบ้านใหญ่ ส่วนในอนาคตจะมีใครนำพาพรรคให้กลับมายืนในจุดที่เหมาะสมได้หรือไม่ ยังไม่มีใครกล้าไปนึกถึง ขณะนี้ได้แต่ภาวนาในการจัดการของผู้บริหารชุดใหม่ไม่ทำให้พรรคตกต่ำมากกว่าที่เป็นอยู่ก็เกินพอแล้ว