รัฐบาลเนปาลมีคำสั่งล่าสุด ต่ออายุคำสั่งห้ามนักปีนเขาเดินทางหรือปีนเขาเพียงลำพังต่อไป หลังจากมีการประกาศใช้คำสั่งมานานกว่า 5 ปีแล้ว
เนื่องด้วยการที่ประเทศเนปาลทียอดเขาที่สูงที่สุดในโลกให้บรรดานักผจญภัยได้พิชิตถึง 5 แห่ง เวลานี้ นักปีนเขาที่ต้องการพิชิตยอดเขาต่าง ๆ จำเป็นต้องว่าจ้างให้ผู้นำทางที่ได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลติดตามไปด้วย หรือไม่อย่างนั้นต้องเดินทางเป็นหมู่คณะ
ถึงแม้ว่าการปีนเขาจะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ทำเงินให้กับประเทศเนปาลอย่างมหาศาล แต่ค่าใช่จ่ายในการกู้ภัยเมื่อเหล่านักผจญภัยประสบเหตุการไม่คาดฝันก็สูงมากเช่นเดียวกัน
มานี อาร์ ลามิชชาเน ผู้อำนวยการบอร์ดการท่องเที่ยวเนปาล กล่าวกับนักข่าวว่า “เมื่อคุณเดินทางคนเดียว หากเกิดเหตุฉุกเฉิน จะไม่มีใครสามารถช่วยเหลือคุณได้ การเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวตามเมืองต่าง ๆ นั้นไม่เป็นอะไร แต่หากในพื้นที่ภูเขาห่างไกล โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่อาจจะไม่เพียงพอต่อการดูแล เมื่อนักท่องเที่ยวหายไปหรือถูกพบว่าเสียชีวิต จะไม่มีใครแม้กระทั่งรัฐบาลตามหาพวกเขาได้ง่ายหรืออาจจะตามหาไม่ได้ เพราะพวกเขาเดินทางอยู่ในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกลเกินไป”
นอกจากประเด็นเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวแล้ว ทางรัฐบาลเนปาลยังพุ่งเป้าไปที่บรรดาบริษัทนำเที่ยวและผู้นำทางที่ไม่ได้มีใบอนุญาตอีกด้วย เพราะนอกจากเรื่องมาตรฐานแล้ว บริษัทและผู้นำทางเหล่านั้นไม่ได้ทำการจ่ายภาษีที่ถูกต้อง และบางครั้งก็ไม่ได้ให้งานกับคนเนปาลจริง ๆ ซึ่งกลายเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศ
ทางด้านผู้ประกอบการอย่าง เอียน เทเลอร์ ที่ทำธุรกิจนำเที่ยวในเนปาลมาอย่างยาวนานก็ให้ความเห็นว่า คำสั่งรัฐบาลเนปาลครั้งนี้ก็เข้าใจได้ แม้จะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก แต่เมื่อคิดให้รอบแล้วก็นับว่าถูกต้อง
“นักปีนเขาหลาย ๆ คนก็นับได้ว่าเก่งกาจพอที่จะออกเดินทางผจญภัยเพียงลำพังได้ และอาจจะเก่งกว่าผู้นำทางท้องถิ่นเสียด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันคือ นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่อยากปีนเขาในเนปาลไม่ได้เป็นอย่างนั้น และเขาต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นจริง ๆ เพื่อจะอยู่รอดในการผจญภัยที่เนปาลได้” เทเลอร์ กล่าว
ที่มา