โพลชี้ อินเดียมองสหรัฐเป็นภัยคุกคามอันดับ 2

ผลการสำรวจ มอร์นิง คอนซัลต์ (Morning Consult) บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลด้านธุรกิจระดับโลกของสหรัฐ เผยชาวอินเดียมองสหรัฐเป็นภัยคุกคามทางทหารใหญ่ที่สุดรองลงมาจากจีน และกล่าวโทษองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) และสหรัฐมากกว่านายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียสำหรับการทำสงครามในยูเครน

จากการสำรวจ พบว่า ผู้ตอบผลสำรวจ 43% จาก 1,000 คนมองว่า จีนเป็นภัยคุกคามใหญ่ที่สุด โดยจีนและอินเดียมีปมข้อพิพาทด้านพรมแดนที่ยืดเยื้อยาวนานและความตึงเครียดปะทุขึ้นอีกครั้งนับตั้งแต่ปี 2563

ในขณะที่ 22% มองว่า สหรัฐคือภัยคุกคามด้านความมั่นคงใหญ่สุดเป็นอันดับสอง แซงหน้าปากีสถาน ผู้เป็นศัตรูคู่ปรปักษ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของอินเดีย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ซอนเน็ต ฟริสบี และ สกอตต์ มอสโควิตซ์ ผู้จัดทำการสำรวจดังกล่าวเปิดเผยว่า อินเดียและสหรัฐ สองประเทศประชาธิปไตยใหญ่ที่สุดของโลกดูเหมือนว่าจะเป็นพันธมิตรกันโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการที่ทั้งสองประเทศมีความไม่ไว้วางใจจีนเช่นเดียวกัน

แต่ชาวอินเดียเองก็มีเหตุผลเชิงกลยุทธ์ที่จะต้องระมัดระวังชาติตะวันตกมหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐ และในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐเพิ่มมากขึ้น ชาวอินเดียอาจกังวลว่าจะต้องตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสองชาติ ซึ่งบั่นทอนเสถียรภาพด้านความมั่นคงในภูมิภาคและทำให้อินเดียเผชิญความเสี่ยง

ทั้งนี้ ความกังวลเกี่ยวกับสหรัฐยังคงมีอยู่ตามที่สะท้อนให้เห็นในผลสำรวจ แม้ว่าอินเดียจะมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดมากขึ้นกับสหรัฐ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่นในฐานะสมาชิกกลุ่มประเทศ Quad ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มกันของประเทศประชาธิปไตยที่มีจุดประสงค์เพื่อจำกัดอิทธิพลทางทหารและเศรษฐกิจของจีนก็ตาม