กทม.ไฟเขียว 2.3 หมื่นล้าน จ่ายหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว

  • ชัชชาติ นั่งประธานประชุมผู้บริหาร กทม.
  • ไฟเขียวงบ 23,488,692,200 บาท
  • จ่ายหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2

วันที่ 19 ม.ค.67 ที่ห้องนพรัตน์ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาวาระขอความเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. …. และเห็นชอบรายการเพื่อขอจัดตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฯ ในวงเงินไม่เกิน 23,488,692,200 บาท โดยจ่ายขาดเงินสะสมกรุงเทพมหานคร

ตามมติที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 3) เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบในโครงการการรับมอบงานทรัพย์สินระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) (ELECTRICAL AND MECHANICAL WORKS : E&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 โดยให้กรุงเทพมหานครเร่งจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รายการ ระบบเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวน 1 ระบบ วงเงิน 23,488,692,200 บาท โดยจ่ายขาดเงินสะสม

ในที่ประชุมสำนักงบประมาณ สำนักการคลัง และสำนักการจราจรและขนส่ง ได้รายงานภาพรวมของโครงการ คาดการณ์ฐานะเงินสะสมของกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2567 ณ วันที่ 16 มค. 67 ซึ่งมีเงินสะสมที่ปลอดภาระผูกพัน จำนวน 51,000 ล้านบาท รวมทั้งหลักเกณฑ์การพิจารณางบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ได้แก่ ต้องเป็นกิจการที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของกรุงเทพมหานคร มีความจำเป็นเร่งด่วน เกี่ยวกับการบริการชุมชนและสังคม เป็นกิจการซึ่งแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนโดยตรง เป็นกิจการที่เป็นการเพิ่มรายได้ให้กรุงเทพมหานคร ต้องเป็นไปตามแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร หรือตามที่กฎหมายกำหนด และคำนึงถึงฐานะเงินสะสมของกรุงเทพมหานคร

นายชัชชาติ กล่าวในที่ประชุม ว่า โครงการนี้ยังไม่เคยผ่านความเห็นชอบจากสภา กทม. มาก่อน ขณะนี้สภา กทม. ได้เห็นชอบโครงการโอนทรัพย์สินแล้ว การดำเนินการต่อไปจึงถือว่ามีความรอบคอบมากขึ้น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยยึดหลักให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกรุงเทพมหานครและประชาชน

จากนั้น ที่ประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครมีมติเห็นชอบกรอบวงเงิน และเห็นชอบรายการเพื่อขอจัดตั้งงบประมาณดังกล่าว และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำร่างข้อบัญญัติงบประมาณ เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครพิจารณาต่อไป