ราวกับลิขิตไว้ว่าบนกระดานการเมือง พรรคก้าวไกล ไปได้ไกลที่สุดคือเป็นฝ่ายค้าน 19 ก.ค. 66 ต้องบันทึกไว้ในฐานะวัน-เวลา ที่ “พิธา” มีแนวโน้มถูกปัดตกจากกระดานการเมือง กระทั่งผู้นำฝ่ายค้าน ก็อาจไม่ได้เป็น
“ภูมิธรรม เวชยชัย” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หัวหน้าทีมเจรจาจัดตั้งรัฐบาล-สายตรงคนแดนไกล ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทยเช้านี้ มีสาระสำคัญอยู่ที่ซินาริโอที่จะเกิดขึ้น หลัง “พิธา” แพ้โหวต-ไม่ได้โหวต นั่นคือ เพื่อไทยพร้อมนำจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในทันที
ภูมิธรรม บอกว่า พรรคเพื่อไทยได้คิดบ้างถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังพิธาแพ้โหวต-ไม่ได้โหวต แต่จะให้พูดอะไรทั้งหมด ก็ยากเหมือนกัน พรรคก้าวไกลได้แจ้งแก่ทีมเจรจาของพรรคเพื่อไทยว่า “หากออกเป็นทางร้ายก็ขอเวลาให้พรรคก้าวไกลได้คิด-ทบทวน”
เอาเฉพาะหน้าวันนี้ ภูมิธรรมบอกว่า 141 เสียงของพรรคเพื่อไทยยังคงพร้อมใจโหวตพิธาเป็นนายกฯ และถ้าพิธาไม่ผ่าน พรรคเพื่อไทยจะเริ่มกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลจากตรงนั้น ย้ำด้วยว่าต้องเร่งทำ เพราะปล่อยให้ประยุทธ์รักษาการต่อไปไม่ได้ และวิกฤติประเทศเวลานี้ ก็มีหลายเรื่องที่รอไม่ได้
ภูมิธรรมเล่าถึงปฏิบัติการจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ไว้ว่า
(1) ถ้าจะให้พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อแคนดิเดตวันนี้เลย (ไม่ได้) พรรคเพื่อไทยต้องทำงานเพิ่มเติม เชิญชวน ส.ส. คุยกับพรรคการเมืองในระบบทั้งหมด พิจารณาเงื่อนไขของแต่ละพรรคว่าจะสอดคล้องหรือไม่อย่างไร (มีการพูดถึงพรรคพลังประชารัฐ)
(2) คุยกับ ส.ว. เพิ่มเติม ว่าเขามีเงื่อนไขอะไร ทั้งหมดนี้เป็นการหาข้อมูล เพื่อจะทำให้เราเดินได้ถูก
เมื่อได้ข้อมูลจากทั้ง ส.ส. และส.ว. จึงนำไปสู่การรื้อ MOU ของ 8 พรรคร่วมเดิมใหม่
(3) ถ้าต้องเพิ่มคน-เพิ่มพรรคเข้ามา มันต้องคุยกับ 8 พรรคร่วมเดิมถึงเงื่อนไขต่างๆ ทำงานการเมืองต้องอิงความเป็นจริง ทำความจริงให้ไปสู่ความฝันที่อยากเป็น และมีมารยาททางการเมือง (ถึงตรงนี้ หมาแก่แทรกขึ้นมาว่า ถ้าพรรคก้าวไกล จะร่วมรัฐบาลเพื่อไทย ก็ต้องจ่ายต้นทุน เช่น ลดเพดานการแก้ไข ม.112 ใช่หรือไม่?) ภูมิธรรมไม่ฟันธง รอสถานการณ์ช่วยตอบ
ภูมิธรรม บอกว่า หากพิธาพ่ายวันนี้ พรรคเพื่อไทยจะมีเวลา 7 วัน ในการรวมเสียงข้างมาก จัดตั้งรัฐบาล แต่ตัวเขาเองไม่ได้กังวล เพราะในพรรคมีผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีสายสัมพันธ์กับทุกพรรคการเมือง รวมถึงฝั่ง ส.ว.
แนวโน้มจึงอาจได้นายกคนที่ 30 ในวันพุธที่ 26 ก.ค. นี้ ซึ่งเป็นวันเกิดของคนแดนไกล พรรคเพื่อไทย
เป็นอีกครั้งที่พรรคการเมืองซึ่งมี “อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร” เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ กลับคืนสู่ทำเนียบรัฐบาล นำประเทศไทยพลิกขั้ว-ก้าวข้ามขัดแย้ง-ฟื้นประเทศจากวิกฤติที่สาหัสตลอด 9 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การรัฐประหาร 2557
ส่วนโจทย์ความนิยมทางการเมือง ยังไม่ใช่ข้อกังวลใหญ่-ข้อกังวลหลักในวันนี้!!