“อดิศร เพียงเกษ” กลายเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ของพรรคเพื่อไทย
เพราะนับตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 66 เป็นต้นมา พรรคเพื่อไทยทำได้เพียงเดินตามเกมที่พรรคก้าวไกลนำไป โดยการใช้กระแสสังคมเข้ากดดัน
หนึ่งในประเด็นที่ถกเถียงกันมาตลอดคือ “ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ” ซึ่งมีการเจรจากันอยู่ใน 3 ชั้น และอาจไปจบในชั้นที่ 4
ชั้นที่ 1 “ภูมิธรรม” ประกาศชัด พรรคเพื่อไทยต้องการ 14+1 คือ รัฐมนตรี 14 กระทรวง พร้อมด้วยประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ขณะที่พรรคก้าวไกลก็ใช้สูตรเดียวกัน นั่นคือ รัฐมนตรี 14 กระทรวง พร้อมด้วยตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
.
ฐานคิดของข้อเสนอในชั้นแรก ตั้งอยู่บนจำนวนเก้าอี้การเมืองที่ไม่ห่างกันมาก
.
ข้อเสนอนี้ เป็นที่มาให้ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ร่ายยาวถึงเหตุผลที่พรรคก้าวไกลต้องได้ตำแหน่งประธานรัฐสภาฯ
ชั้นที่ 2 “ภูมิธรรม” เปิดข้อเสนอใหม่ ยินดีให้พรรคอันดับ 1 ที่มีเสียงข้างมาก เป็นประธานรัฐสภา ทว่าพรรคอันดับ 2 ซึ่งมีคะแนนห่างกันไม่มาก ต้องได้ 2 ตำแหน่งรองประธานรัฐสภา
พลันที่แถลง ตามด้วยเสียงวิพากษ์จากคนในพรรค โดยเฉพาะจาก “อดิศร เพียงเกษ” ขุนพลพรรคเพื่อไทย ที่กลับเข้าสู่รัฐสภาในการเลือกตั้งครั้งนี้ จนเป็นที่มาของข้อสรุปเบื้องต้นในประชุมพรรคเพื่อไทยวานนี้ (21 มิถุนายน 2566)
ชั้นที่ 3 ได้รับการถ่ายทอดโดย “อดิศร” สรุปความได้ว่า “เสียงข้างมาก เด็ดขาด” ในการประชุม ว่าที่ ส.ส. ใหม่ของพรรคเพื่อไทยวานนี้ เห็นด้วยว่า พรรคเพื่อไทยควรได้ 14+1 นั่นคือ รัฐมนตรี 14 กระทรวง พร้อมด้วยตำแหน่งประธานรัฐสภา
แกนนำพรรคที่จะเข้าประชุม-เจรจากับพรรคก้าวไกลต้องยึดตามสูตรนี้ “อดิศร” บอกด้วยว่า ถ้าประธานรัฐสภากลับไปเป็นของพรรคก้าวไกล ก็ควรจะต้องขับแกนนำเพื่อไทยที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย พร้อมทั้งหวังว่าการเจรจาของสองพรรคจะเป็นไปด้วยดี
และหากการเจรจาล้มเหลว ก็มีแนวโน้มดำเนินไปสู่ข้อเสนอชั้นที่ 4 นั่นคือ ใช้รัฐสภาเป็นที่ยุติความเห็นต่างทางการเมือง หรือฟรีโหวต โดยขอย้ำว่าการฟรีโหวตตำแหน่งประธานรัฐสภาไม่เกี่ยวกับตำแหน่งฝ่ายบริหาร ไม่เกี่ยวกับการเลือกพิธา เป็นนายกฯ
“อดิศร” บอกว่า “ทุกพรรคต้องได้สติว่า คุณได้เสียงเท่าไหร่ คุณมีอำนาจเท่านั้น”
ด้วยความที่พรรคเพื่อไทยห่างจากพรรคก้าวไกลเพียง 10 เสียง จึงทำให้ข้อเสนอของ “อดิศร” แทนใจคนเพื่อไทยอยู่ไม่น้อย นั่นคือ ไม่จำเป็นต้องเดินตามเกมทั้งหมดที่พรรคแกนนำเป็นผู้กำหนด การเมืองยังคงต้องมีการต่อรอง
บรรทัดสุดท้าย จึงมีแนวโน้มเป็นฟรีโหวต ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า อาจกระทบตำแหน่งสำคัญอื่นๆ แต่จะไปถึงขั้น “พิธาตกสวรรค์” หรือไม่ จำเป็นต้องดูปัจจัยอื่นประกอบ!!