จตุพร พรหมพันธุ์ ชี้ กรณีช่อ -พรรณิการ์ วานิช บังคับใช้จริยธรรม เท่าเทียม สส.ถูกเชือดหมดสภา
(21 ก.ย.66) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ฟาด!!” ว่า หากมีการบังคับใช้มาตรฐานทางจริยธรรมอย่างเข้มข้นและเสมอหน้าเท่าเทียมกันแล้ว ประเทศไทยคงไม่เรียกร้องการปฏิรูปการเมืองและข้าราชการตำรวจ-ทหาร เลย เพราะทุกคนจะเหลือรอดมีน้อยมาก หรืออาจไม่เหลือใครสักคนด้วยซ้ำไป
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าเอามาตรฐานจริยธรรมกรณีคำพิพากษาศาลฎีกาถอนสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตกับช่อ-พรรณิการ์ วานิช อดีต สส.อนาคตใหม่ ซึ่งถูกตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปีมาแล้ว มาวัดอย่างเสมอกันกับนักการเมืองทุกคนแล้ว คงไม่เหลือ สส.ในสภาชุดนี้สักคน
อีกอย่าง หากย้อนตรวจสอบจริยธรรมกับข้าราชการอื่นๆ ทั้งตำรวจ ทหาร คงไม่เหลือใครอีกเลยเช่นกัน ดังนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ อาจต้องหวั่นระทึก กับการลงโทษไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจรยิธรรมร้ายแรง เพราะกรณีที่เกิดกับช่อ ราวกับเป็นการส่งสัญญาณลับดาบไว้รอเชือด
“คิดว่า เขารอประหารรายที่ใหญ่กว่า เพราะหลากหลายเรื่องราวเข้าข่ายไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรงทั้งสิ้น เช่นสะพานข้ามพระโขนง กระทั่งเรื่องที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พูดมาทั้งสามตอน ถ้าเอามาตรวัดทางริยธรรมแล้วจะรอดได้หรือเปล่า”
นายจตุพร เห็นว่า ในอนาคตถ้าใครจะมาทำหน้าที่ทางการเมืองแล้ว ต้องมีความใสสะอาดตั้งแต่เกิด หากมีการกระทำย้อนหลังที่ขัดกับมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งเป็นคำกว้างๆ และยังย้อนกลับไปตรวจสอบเอาผิดได้ไกลถึงตั้งแต่เกิด จึงต้องเตรียมตัวมาเป็นนักการเมืองให้สะอาดผุดผ่อง ไร้รอยมลทินมาตั้งแต่เกิดกันเลย
“มาตรฐานที่ใหญ่กว่าจริยธรรม ก็คือความเสมอภาคทางจริยธรรม ถ้าขีดเส้นใช้กันอย่างเที่ยงตรงเสมอเหมือนกันแล้ว ประเทศนี้จะเปลี่ยนใหม่ เพราะถ้านำทุกคนเข้าเครื่องตรวจจับด้วยมาตรฐานจริยธรรมแล้ว จะเกิดการปฏิรูปโดยปริยายทันที ถึงขั้นที่ประเทศจะได้รับการชำระสะสางกันเลย”