สัมพันธ์แน่นแฟ้น จีนจับมือละตินอเมริกาสู่ยุคใหม่

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนส่งสัญญาณว่าปักกิ่งจะยกระดับความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศละตินอเมริกาและแคริบเบียน (LAC) ในการปราศรัยกับผู้นำในภูมิภาค ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อิทธิพลของจีนกำลังเพิ่มขึ้น

ในระหว่างการประชุมสุดยอดประชาคมรัฐละตินอเมริกาและแคริบเบียน (CELAC) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ประธานาธิบดี สีกล่าวว่าจีนกำลังดำเนินการเพื่อนำความสัมพันธ์จีน-LAC ไปสู่ ​​“ยุคใหม่” (New era)

ในปีนี้ การประชุมสุดยอดประจำปีจัดขึ้นที่บัวโนสไอเรส เมืองหลวงของอาร์เจนตินา

คำปราศรัยทางวิดีโอของ Xi ในการประชุมกล่าวว่าจีน “สนับสนุนเสมอ” การบูรณาการระดับภูมิภาคระหว่างละตินอเมริกาและแคริบเบียน และพร้อมที่จะสร้างความก้าวหน้ากับประเทศเหล่านั้น

ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา จีนได้ขยายการค้า การลงทุน และความช่วยเหลือในภูมิภาคอย่างมาก เนื่องจากจีนไม่เพียงส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์ทางการเมืองและความมั่นคงกับสมาชิกด้วย

“ประเทศในละตินอเมริกาและแคริบเบียนเป็นสมาชิกที่สำคัญของประเทศกำลังพัฒนา” ประธานาธิบดีจีนกล่าว “เราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของเรากับ CELAC เป็นอย่างมาก และถือว่า CELAC เป็นพันธมิตรหลักของเราในการเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นในหมู่ประเทศกำลังพัฒนาและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างใต้-ใต้”

ประธานาธิบดีสี ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่าโลก “กำลังอยู่ในช่วงเวลาใหม่แห่งความปั่นป่วนและการเปลี่ยนแปลง” และความท้าทายต่างๆ จะสามารถเอาชนะได้ “ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น”

อย่างไรก็ดี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้เพิ่มอิทธิพลในซีกโลกตะวันตกผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ความช่วยเหลือด้านโควิด-19 และความช่วยเหลือทางทหาร

และประเทศอาร์เจนตินา บราซิลและเวเนซุเอลาเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศ LAC ที่มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงใกล้ชิดกับจีนมากที่สุด โดยมีส่วนร่วมในโครงการBelt and Road Initiativeซึ่งเป็นโครงการพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของจีน ร่วมกับอีก 17 ประเทศในภูมิภาคนี้

โดยในช่วงที่เกิดโรคระบาด ประเทศกลุ่มละตินอเมริกาเป็นมีประชากรผู้รับวัคซีนโควิด-19 ต่อหัวมากที่สุดของจีน โดยได้รับประโยชน์จากการทูตวัคซีนของจีน

ทั้งนี้ ด้วยเส้นทางการเติบโตของการค้าในปัจจุบัน จีนอาจกลายเป็นคู่ค้าอันดับต้น ๆ ของภูมิภาคได้ภายในปี 2578โดยตั้งแต่ปี 2543 ถึง 2563 ปริมาณการค้าของจีนกับละตินอเมริกาและแคริบเบียนเพิ่มขึ้น 26 เท่าเป็น 310,000 ล้านเหรียญสหรัฐ รองจากสหรัฐในฐานะคู่ค้าที่สำคัญที่สุดในภูมิภาค

โดยปริมาณการค้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจนเกิน 700 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2578 ซึ่งแซงหน้าสหรัฐ ตามรายงานบนเว็บไซต์ World Economic Forum

และรัฐบาลจีนยังได้ลงทุนในเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ ผ่านเครือข่าย 5G และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของจีนที่แข็งแกร่งในภูมิภาคนี้ได้สร้างความกังวลในหมู่รัฐบาลตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ โดยฝ่ายนิติบัญญัติเรียกร้องให้มีแผนการพัฒนาเพื่อตอบโต้ รวมไปถึงสหภาพยุโรปเองที่พยายามต่อต้านอิทธิพลของจีนในละตินอเมริกา และเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี รวมถึงการให้ความสำคัญกับพลังงานที่ยั่งยืนเป็นลำดับแรก

โดยความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของรัฐบาลจีน กับประเทศกลุ่มละตินอเมริกา LAC ในเบื้องต้นเห็นชัดแล้วว่า กลุ่ม LAC ส่วนใหญ่ยอมรับการอ้างสิทธิ์ของจีนในไต้หวัน