พลันที่ “เศรษฐา ทวีสิน” เข้ารับสนองพระบรมราชโองการเป็นนายกฯ คนที่ 30
หมายลำดับแรกคือเข้าเยี่ยมคารวะ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีลำดับที่ 29
โดยดำเนินไปท่ามกลางข้อวิจารณ์จากทั่วสารทิศ เพราะเป็นไปในลักษณะที่ “มีลุง-มีเรา” แรงไปจนถึงเป็น “ฉากจบ-ฉากสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย”
หมายลำดับต่อมาคือพบปะ “เครือมติชน”
โดยตั้งใจที่จะพบปะกับผู้บริหารสื่อทั้งออนไลน์-ออนกราวด์ “เศรษฐา” เจาะจงพบปะมติชนเป็นที่แรก ในฐานะสื่อฝ่ายประชาธิปไตยที่แนบแน่นกันตั้งแต่พรรคไทยรักไทย-พรรคพลังประชาชน มาจนถึงพรรคเพื่อไทย
หมายที่สามรู้กันในกลุ่มสื่อมวลชนพรรคเพื่อไทยเท่านั้น เป็นการลงพื้นที่ที่จังหวัดภูเก็ต-พังงา โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกความเชื่อมั่น สร้างพื้นที่ข่าว และทยอยเปิดตัว ครม.เศรษฐา
นายกเศรษฐาแถลงในชั้นต้นว่า “หนึ่งในนโยบายสร้างรายได้หลักของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ต้องเร่งดำเนินการตอนนี้คือการพลิกฟื้นการท่องเที่ยว”
“เพราะการท่องเที่ยวเป็นหนทางที่จะนำเงินนอกมาปลุกเศรษฐกิจไทย ให้เงินไหลเข้าประเทศได้เร็วที่สุด ซึ่งในตอนนี้นักท่องเที่ยวกำลังไหลกลับเข้ามา จึงถือเป็นโอกาสดี ที่ไทยต้องเร่งเตรียมความพร้อม”
“นักท่องเที่ยวจีนที่เคยเป็นกำลังหลัก ตอนนี้กำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ เขาจะอยากมาน้อยลง ฉะนั้นเราต้องแข่งขันที่จะดึงดูดพวกเขาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวีซ่า, การบริหารจัดการ (Operations) ของสนามบินเอง, การจัดการเที่ยวบิน (Flight), การลำเลียงกระเป๋า และกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง แน่นอนในอนาคตเราคงต้องดูด้วยว่าสนามบินจะมีความสามารถในการรองรับ (Capacity) เป็นอย่างไร และยังต้องดูไปถึงเมืองรองอื่น ๆ ด้วย ซึ่งผมมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพมาก และควรมีสถานะเป็นฮับของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้”
“ทั้งหมดนี้เราตั้งเป้าเพื่อให้ประเทศไทยกลับมามีรายได้จากการท่องเที่ยวจากเดิม 1.9 ล้านล้านบาท เป็น 3.3 ล้านล้านบาท ภายในปี 2567”
“เศรษฐา” ซ้อมตรวจราชการครั้งนี้ พร้อมกับทีมวอลเปเปอร์ชุดใหม่ เป็น 6 ชื่อที่จะเห็นถี่ยิบหลังจากนี้
“หมอมิ้ง-นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” ว่าที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้เคยนั่งเป็น “นายกน้อย” ให้กับนายกทักษิณ เป็นทั้งผู้นำทีมยุทธศาสตรด้านเศรษฐกิจ-คิดค้นนโยบาย-ขึ้นดีเบตในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
อีกสองชื่อใต้สังกัด “หมอมิ้ง” คือ “จักรพล ตั้งสุทธิธรรม” อดีต สส. เชียงใหม่ ที่สอบตกในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทว่าถือเป็นลูกรักของทั้ง “ยิ่งลักษณ์-เยาวภา” จึงถูกผลักดันเข้าสู่ทีมวอลเปเปอร์นายกป้ายแดง
และ “ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ” นักธุรกิจหนุ่มในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เข้ามาช่วยเป็นทีมหมอมิ้งในการจัดเตรียมข้อมูล-คิดค้นนโยบาย และขึ้นดีเบตในช่วงเลือกตั้ง ทั้งนี้ ศึกษิษฏ์ยังรับผิดชอบจัดทำร่างนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาในเร็ววันนี้ด้วย
อีกสองชื่อคือทีมเลขาส่วนตัว ไว้คอยประสานงานการเมือง-ประสานงานสื่อ-ประสาน สส. และกลุ่มการเมืองในพรรค รวมถึงคอยจัดทำกำหนดการต่างๆ ของนายกป้ายแดง คือ “เพ้า-จักรพงษ์ แสงมณี” ทีมวอลเปเปอร์ยุคนายกยิ่งลักษณ์ และ “เอิง-คณาพจน์ โจมฤทธิ์” ที่เปลี่ยนจากเดินตาม “แพทองธาร” มาเดินตาม “เศรษฐา”
แต่ที่เปิดตัววันนี้ และเรียกเสียงฮือฮาไม่น้อย คือ “นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ลูกสาวสุดที่รัก “วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” อดีต รมช.คมนาคม และ “ยลดา หวังศุภกิจโกศล” นายก อบจ. โคราชคนปัจจุบัน
นี่คือการตอบแทนของตระกูลชินวัตร สำหรับผลงานอันยอดเยี่ยมของตระกูลหวังศุภกิจโกศลในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
แบ่งเป็น 1 บัญชีรายชื่อ คือ “น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” และ 7 เขตเลือกตั้ง ทั้งในโคราชและนอกโคราช เช่น นายอาทิตย์ หวังศุภกิจโกศล เขต 11, นายนรเสฎฐ์ ศิริโรจนกุล เขต 12, นายนิกร โสมกลาง เขต 8 ,นายพรเทพ ศิริโรจนกุล เขต 16,น.ส.ปิยะนุช ยินดีสุข เขต 7 รวมถึง สส. อีกสองเขตเลือกตั้งจากพรรคเพื่อไทรวมพลังที่จังหวัดอุบลราชธานี
8 ที่นั่ง แปลงออกมาเป็นตำแหน่ง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา