จับสัญญาณปรับ ครม.ใบสั่ง “จันทร์ส่องหล้า”

ตามรัฐธรรมนูญประเทศไทยมี “นายกฯ” ได้เพียงคนเดียว แต่ในทางการเมืองเวลานี้มี “นายกฯ 2 คน” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

คนหนึ่ง “นายกฯ นิด” เศรษฐา ทวีสิน บัญชาการอยู่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล มีอำนาจตามกฎหมาย คอยบังคับบัญชา รัฐมนตรี-ข้าราชการ ทุกกระทรวง

แต่จากนี้ไปก็จะเครื่องหมายคำถามว่า “นายกฯ นิด” สั่งได้จริงหรือไม่

อีกคนหนึ่ง อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่มีฐานบัญชาการอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย แต่รู้กันดีว่า ไฮพาวเวอร์ กลับมาเป็นศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองไทยอีกครั้งในรอบ 17 ปี

หลังที่ก่อนนี้ต้องระหกระเหินไปเปิดสาขาย่อยในต่างแดนมานาน แต่ก็ยังมีส่วนกับการกดปุ่มหลายรัฐบาล ตั้งแต่ยุคสมัคร สุนทรเวช-สมชาย วงศ์สวัสดิ์-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ทำให้ในทางพฤตินัยอำนาจบัญชาการ “รัฐบาลเพื่อไทย” ถูกผ่องถ่ายจาก “ทำเนียบรัฐบาล” ไปยัง “บ้านจันทร์ส่องหล้า”

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า “บิ๊กเนมการเมือง” เข้าคิวขอพบแน่นเอี๊ยด เหลือเพียงการวางไทม์มิ่งให้เหมาะสมรับกับอาการป่วยของ “นายใหญ่” เท่านั้น

หาก “บิ๊กเนม-โนเนม” คนไหนต้องการตำแหน่ง-ต้องการเก้าอี้ ย่อมต้องเชื่อมต่อคอนเนกชัน “จันทร์ส่องหล้า” ให้ได้ มิเช่นนั้นอาจจะต้องตกขบวน

ยิ่งในช่วงรัฐบาลครบ 6 เดือน ตามสไตล์ “นายใหญ่” มักจะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานให้คึกคัก เร่งให้ “รัฐมนตรี” พิสูจน์ผลงาน หากใครผลงานไม่เข้าตาต้องร้อนๆ หนาวๆ หวั่นใจจะหลุดเก้าอี้

ว่ากันว่าการปรับ ครม. จะเกิดขึ้นภายหลัง พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 มีผลบังคับใช้ ซึ่งจะอยู่ในช่วงปลายเดือน เม.ย. ถึงต้นเดือน พ.ค.

ไล่เช็คลิสต์ “รัฐมนตรี” จากค่ายเพื่อไทย มีหลายคนสุ่มเสี่ยงจะโดนเขี่ยทิ้ง โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในลิสต์ “ต่างตอบแทน” เมื่อได้รับการทดแทนบุญคุณให้นั่งเก้าอี้เสนาบดีแล้ว ถึงเวลาโดนยึดคืนต้องทำใจ

เนื่องจากระยะหลังประกาศิตเด็ดขาด ห้ามตั้งกลุ่มก๊วนในพรรคเพื่อไทย ทำให้รัฐมนตรีไม่มีกองกำลัง-สส.ไม่มีกำลังภายใน ที่จะมาต่อรองกับ “นายใหญ่” และพูดได้อย่างเดียวว่า “ครับนาย”

ในบรรดารัฐมนตรีค่ายเพื่อไทยมีเพียงไม่กี่คนที่ขาเก้าอี้ค่อนข้างแข็งแรง มีสัญญาใจว่าจะได้อยู่ยาวครบเทอม ตั้งแต่ ภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกฯเบอร์ 1 และ รมว.พาณิชย์, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม, นพ.ชลน่าน ศรีแก่ว รมว.สาธารณสุข, ประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลฯ เป็นอาทิ

ส่วนที่เหลือบอกเลยว่า ลูกผีลูกคน ต้องลุ้นกันชอตต่อชอต

ชื่อของ “เจ๊แจ๋น” พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ลิสต์ถูกปรับออกเบอร์ต้นๆ ถือว่าตอบแทนบุญคุณที่ไม่ทิ้งพรรคกันเรียบร้อยแล้ว แม้ “พวงเพ็ชร” จะมีพลัง “นายหญิง” แบ็คอัพให้ แต่ผลงานไม่เข้าตานายกฯ “เศรษฐา”

แถมมีหลายปมทั้งงานส่วนตัว งานส่วนรวมที่เบอร์หนึ่งตึกไทยคู่ฟ้าไม่ค่อยพอใจ “มาดามนครบาล” แถมมีกระแสข่าวว่าจะโยกย้าย “บิ๊กข้าราชการ” ยังแจ้ง “นายกฯพลัดถิ่น” ก่อนส่งชื่อเบอร์หนึ่งทำเนียบฯ จน “นายกฯตึกไทย” ออกอาการไม่พอใจ

ที่สำคัญ ผลงานในศึกเลือกตั้ง “ทีม กทม.” ที่ “พวงเพ็ชร” รับผิดชอบ ทำผลงานได้น่าผิดหวัง หลังพ่ายยับกระแส “สีส้ม” ได้มาเพียง สส.เขต 1 เก้าอี้ ทำให้เจ้าตัวแทบไม่มีหลักพิงทางการเมือง

“เกรียง กัลป์ตินันท์” รมช.มหาดไทย อีกรายที่อยู่ในข่ายต่างตอบแทนความภักดีครบวาระแล้วเช่นกัน เหตุผลที่ “เกรียง” ไม่ยอมลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ เพราะรู้ดีว่าสถานะเก้าอี้ รมช.มหาดไทย ไม่มั่นคง มีโอกาสถูกปรับออกได้ตลอดเวลา ฉะนั้นจึงต้องเผื่อทางรอดเอาไว้

“ไชยา พรหมา” รมช.เกษตรและสหกรณ์ อีกหนึ่งคนที่เป็นตัวเต็งโดนปรับออก เนื่องจากผลงานในกระทรวงเกษตรฯ ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แถมยังมีฉากรบกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ แต่วัดกำลังกันแล้วกระดูกคนละเบอร์จนต้องถอยฉาก เมื่อไร้ผลงาน ภารกิจก็อาจจะต้องปิดฉาก

ขณะที่ “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม เริ่มมีกระแสข่าว “เบอร์ใหญ่” จะเข้ามานั่ง รมว.กลาโหมเอง ทำให้ “สุทิน” หนาวๆร้อนๆ อาจจะถูกเปลี่ยนกระทรวง ซึ่งเก้าอี้อาจจะเล็กลงกว่าเดิม

มีคนออก ก็ย่อมต้องมีคนเข้า เป็นปกติยามมีกลิ่นการปรับ ครม. ขุนพลเพื่อไทย จะต้องเปิดศึกแย่งชิงเก้าอี้กันอุตลุด

ว่ากันว่าเก้าอี้ รมว.คลัง ที่ นายกฯ เศรษฐา ควบอยู่ เป็นที่หมายปองของหลายคน ตามข่าวว่า นายกฯมีโอกาสสูงที่จะสละเก้าอี้ รมว.คลัง เพื่อเปิดทางให้ “ขุนคลังตัวจริง” เข้ามาทำงาน เพราะนายกฯไม่มีเวลามากพอเข้ามาบริหารจัดการ

ชื่อในข่ายมีทั้ง “เดอะโต้ง” กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกฯ จะได้แรงหนุนจาก “นายหญิง” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เช่นเดียวกับ “เสี่ยแดง“ พิชัย นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษานายกฯ ที่พลาดหวังเก้าอี้ในรอบแรก

แต่โอกาสไม่น้อยที่จะเสร็จ “ตาอยู่” ดึงคนนอกจากภาคเศรษฐกิจการเงินการคลังเข้ามาช่วยงาน

สำหรับ “พรรคร่วมรัฐบาล” โฟกัสหลักพุ่งเป้าไปที่ “ภูมิใจไทย” ที่ยึดกระทรวงสำคัญไปได้ไม่น้อย เวลานี้แม้จะเป็นพรรคอันดับสอง แต่สถานการณ์ทางการเมืองบีบให้แรงต่อรองเหลือน้อยลง ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญชี้มูลความผิด “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตเลขาธิการพรรค ปมถือหุ้น หจก.บุรีเจริญตอนสตรัคชั่น และสุ่มเสี่ยงลามไปถึงการยุบพรรค

หาก “นายใหญ่” จะสางแค้น “บิ๊กเน” เนวิน ชิดชอบ ขอริบกระทรวง เพื่อกระชับอำนาจ “เนวิน” แทบจะไร้แรงต่อรอง เพราะมี “พรรคอะไหล่สีฟ้า” รอส้มหล่นร่วมรัฐบาลเช่นกัน

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ กำลังรอให้ “กฤษฎีกา” ตรวจข้อกฎหมายปมคุณสมบัติของ “ไผ่ ลิกค์” สส.กำแพงเพชร เด็กสายตรง “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้แล้วเสร็จ ก็จะขอปรับ ครม.เช่นกัน

แต่แม้จะฝ่าด่าน “กฤษฎีกา” มาได้ เวลานี้ไม่มีอะไรจะการันตีว่า “ไผ่” จะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี เพราะภายใน “พลังประชารัฐ” แรงต่อรองของ “ธรรมนัส” เริ่มลดน้อยถอยลง หลังเปิดศึกกับ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ส่อแววแตกหักหลายรอบ

ส่วน พรรครวมไทยสร้างชาติ แม้จะไม่มีความเคลื่อนไหวให้เห็น แต่ต้องวัดใจ “ท่านพี” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรค จะเปลี่ยนตัว “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ หรือไม่ หลังมีกระแสข่าว “คนใกล้ตัว” เดินงานแนบเนียน เก็บทุกเม็ด จน “บิ๊ก รทสช.” เริ่มไม่พอใจ

หลังจากนี้ต้องจับตาความเคลื่อนไหว “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ที่เริ่มขยับปรับเกม อีกไม่นานอาจจะมีใบสั่ง ส่งสัญญาณเข้มไปยัง “เบอร์หนึ่งตึกไทยคู่ฟ้า” ให้ปรับทัพ-ปรับ ครม.