ตั้งแต่ปลายปี 2564 เป็นต้นมาก็ต้องเรียกได้ว่าประเทศไทยต้องเจออะไรแพงๆ กันอย่างต่อเนื่อง เปิดมาด้วยการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาน้ำมันภายในประเทศ จนเป็นเหตุให้บรรดารถบรรทุกออกมาประท้วงให้รัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซล เพื่อพยุงไม่ให้ค่าขนส่งปรับตัวแพงมากยิ่งขึ้น
หลังจากนั้นไม่นานเราก็ต้องเจอกับราคาผักแพงแบบตามมาติดๆ อันเป็นผลมาจากหลายเหตุปัจจัย จนเป็นที่มาของวลีเด็ดของนายกรัฐมนตรีที่สั่งให้ทหารปลูกผักเพื่อขายให้ประชาชนในราคาถูก หรือแนะนำให้คนไทยปลูกผักไว้กินเอง
พอจะสิ้นปีก็ไม่วายต้องเจอกับปัญหาราคาหมูแพงที่ปรับตัวแรงอย่างมาก ในช่วงเวลาไม่กี่วัน พาเอาร้านค้าอาหารตามสั่งปรับราคาอาหารกันวันต่อวัน หรือที่เป็นข่าวใหญ่อย่างร้านหมูย่างเมืองตรังหลายร้านที่ต้องปิดให้บริการชั่วคราวหลังแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงนี้ไม่ได้
สถานการณ์ของแพงนี้ดูเหมือนจะไม่จบง่ายๆ เพราะปี 2565 นี้ อาจเป็นปีแห่งการปรับราคาหลายเรื่องโดยเฉพาะราคาพลังงานที่ยังคงผันผวน ซึ่งเป็นเหตุมาจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศไทย ส่งผลให้มาตรการหลายอย่างที่รัฐบาลเคยใช้ก่อนหน้านี้ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้
พลังงานตัวแรกที่จะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ LPG ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ตรึงราคามาอย่างยาวนาน แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงทางราคาของตลาดที่ปรับตัวอย่างรวดเร็วจากความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เกี่ยวพันโดยตรงต่อก๊าซหุงต้มอย่าง LPG
ประเทศไทยซึ่งถือเป็นหนึ่งในชาติที่มีการนำเข้า LPG เป็นจำนวนมากย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงทางด้านราคานี้ได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะสามารถพยุงราคามาได้ตลอด
แต่ด้วยข้อจำกัดของกองทุนพลังงานที่ปัจจุบันเริ่มติดลบมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมีการประกาศยกเลิกมาตรการพยุงราคา LPG ซึ่งจะเริ่มใช้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ฉะนั้นราคา LPG ที่แต่เดิมพยุงไว้ที่ราคา 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม อาจมีการปรับเพิ่มอย่างมากให้เราได้เห็นกัน
นอกจากนี้ก๊าซหุงต้มที่จะแพงขึ้นแล้ว อย่างที่ทราบกันว่าในปีนี้รัฐบาลได้ยกเลิกมาตรการช่วยเหลือลดหย่อนราคาค่าไฟฟ้าที่ใช้มาเมื่อปีก่อน ด้วยเหตุผลทางด้านต้นทุนการผลิตพลังงานที่มีราคาแพงขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติที่ถือเป็นวัตถุดิบหลักของประเทศไทย
เพราะหลายประเทศมีการปรับแผนลดการผลิตกระแสไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดมลพิษจำนวนมากโดยเฉพาะถ่านหิน ส่งผลให้ความต้องใช้พลังงานกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์หน้าหนาวของยุโรปที่รุนแรงอย่างมากในปีนี้ส่งผลให้ความต้องการใช้เชื้อเพลิงเพื่อสร้างความอบอุ่นเพิ่มตามไปด้วย
ในขณะที่ปริมาณความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับหลายๆ ปี แต่ดูเหมือนว่ากำลังการผลิตนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก ปัจจัยนี้ผลักดันให้ราคาก๊าซธรรมชาติ ถีบตัวขึ้นอย่างรวดเร็วตามกลไกราคา และส่งผลอย่างมากต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย และนี่กลายเป็นเหตุสำคัญที่รัฐบาลต้องปรับขึ้นราคาค่าไฟฟ้าในปีนี้ในที่สุด
แน่นอนว่าการปรับตัวขึ้นของราคาก๊าซหุงต้มและไฟฟ้านี้จะกลายเป็นภาระอย่างมากต่อประชาชนโดยผลกระทบระยะสั้นที่จะได้เห็นคือการปรับขึ้นราคาอาหารโดยเฉพาะตามร้านอาหารต่างๆ ที่จะได้รับผลกระทบทางตรงกับเรื่องนี้
นอกจากนี้ราคาค่าขนส่งสินค้าอาจปรับตัวสูงขึ้นได้เช่นกันเนื่องจากระบบโลจิสติกส์ไทยเองจำนวนมากพึ่งพา LPG เป็นเชื้อเพลิงสำคัญสำหรับรถบรรทุกเช่นเดียวกัน
สำคัญไปกว่านั้นคือการปรับตัวเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน และสินค้าอุปโภค และบริโภค