22 พฤษภาคม 2557 คือจุดเริ่มต้นการขึ้นสู่อำนาจของ 3ป. ในการเมืองไทย จุดเริ่มรู้ แต่จุดจบไม่รู้ เพราะอำนาจ วาสนา บารมี รวมทั้งผลประโยชน์ ทำให้ระหว่างทางกินเวลายาวนาน
“พรรคเพื่อไทย-พรรคอนาคตใหม่ ชนะได้ แต่จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้” นี่คือกลไกบังคับ ซึ่งทุกฝ่ายทราบดี กติกาอันบิดเบี้ยวที่รังสรรค์ในช่วงรัฐประหาร เป็นฟองสบู่คุ้มกันอำนาจของ 3ป. ให้เดินหน้าต่อไปได้
การเลือกตั้งปี 2562 ทำให้ได้ “นายกฯ หน้าเดิม” เพิ่มเติมด้วยรัฐมนตรีหน้าคุ้นที่อยู่ในการเมืองไทยมายาวนาน
ทว่าในการเลือกตั้งจตุจักร-หลักสี่ เมื่อ 30 มกราคม 2565 สัญญาณถึงจุดต่ำสุดของ 3ป. ได้ปรากฏเป็นรูปเป็นร่างแล้ว จากชุมพร จากสงขลา ต่อเนื่องถึงจตุจักร-หลักสี่ จากพ่ายแพ้น้อย ถึงพ่ายแพ้มาก พ่ายแพ้มาก ในระดับที่เรียกได้ว่าเป็นวิกฤติความนิยมของ 3ป.
7,906 คะแนน คือ คะแนนที่ “สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ” ได้รับ เป็นคะแนนที่ต่ำกว่าการเลือกตั้งหนก่อนหลายเท่าตัว สะท้อนไปถึงความนิยมของ 3ป. และพรรคพลังประชารัฐที่ลดต่ำไปหลายเท่าตัวเช่นเดียวกัน
ความพ่ายแพ้หนนี้ มาจากหลายปัจจัย ทั้งตัวผู้สมัครในลักษณะการเมืองตระกูลที่อาจไม่ถูกจริตของคน กทม. ทั้งคะแนนนิยมของพรรคพลังประชารัฐในสายตาคน กทม. ทั้งคะแนนนิยมเฉพาะตัวของ 3ป. ในพื้นที่ กรุงเทพฯ
แม้ “พรรคกล้า” จะประกาศหนุน “ประยุทธ์” บนเวทีในโค้งสุดท้าย แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่คะแนนมามากเป็นอันดับ 3 เพราะ “อรรถวิชช์” มีฐานเสียงที่แข็งแกร่งอยู่แล้วในพื้นที่จตุจักร
การประกาศของ “มาดามหลี” ด้วยการใช้ “ผลงานของประยุทธ์” ในโค้งสุดท้าย มาขาย ไม่อาจช่วยดึงคะแนนนิยมกลับคืนมา
เช่นเดียวกับที่หาม “ประวิตร” ลงพื้นที่เรียกคะแนนจาก “กลุ่มผู้สูงอายุ” ก็ไม่ช่วยทำให้ได้รับคะแนนนิยมอย่างที่หวัง
“หมอวรงค์” แห่ง “พรรคไทยภักดี” ถึงขนาดบอกว่า “สิ่งที่ท่านนายกต้องตระหนักก็คือ ท่าทีต่อพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้รับการลงโทษจากประชาชนอย่างหนักกว่าที่คาดคิด”
คนที่นั่งยิ้มบนภูดูความเป็นไปทั้งหมดนี้ คือ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ผู้ที่ดมกลิ่นถึงกระแสโรยราของ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” มาก่อนใครทั้งหมด ถึงขนาดทำการกบฏร่วมไปกับคนต่างแดน โดยได้รับการแสร้งทำ “ไม่รู้-ไม่เห็น-แต่เป็นใจ” จากคนในวงล้อม
ให้หลังความพ่าย “ธรรมนัส” ชงต่อทันทีว่า “ศัตรูของศัตรูคือเพื่อนของเรา”
บริบทการเมืองวันนี้ จึงเป็นสถานการณ์ที่ 3ป. เผชิญกับศัตรูทั้งจากภายนอกและภายใน ภายนอกนั้นคือ ท่วงทำนองแบบ “เลือกเพื่อไทย แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน” และ “เปลี่ยนประเทศไทย เลือกก้าวไกลทั้งแผ่นดิน”
ผลสำเร็จคือคะแนนรวมของพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ในระดับที่น่าตื่นตาตื่นใจ เรียกรวมๆ ได้ว่า #ฝ่ายประชาธิปไตยแลนด์สไลด์
ภายในนั้นคือ ผลงานของรัฐบาลทั้งคณะที่ไม่ตอบสนองต่อปัญหาของประชาชน ที่ต้องไม่ลืมคือหัวหน้าคณะรัฐบาล นั้นคือ 1 ใน 3ป.
ภายในนั้นคือ ความแตกแยกแบบถึงรากถึงโคนในพรรคพลังประชารัฐ การตีจากของ “กลุ่มธรรมนัส” เป็นเพียงการตีจากระลอกแรก พรรคเฉพาะกิจพรรคนี้ ยังจะเผชิญการตีจากอีกหลายระลอก
เว้นแต่ 3ป. จะมีไพ่ใบใหม่ใหม่ ออกมาเชื้อเชิญให้ทุกกลุ่มการเมืองยังอยู่ใต้ชายคา
กลุ่มที่ดมกลิ่นความเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วที่สุด อีกกลุ่มหนึ่ง คือกลุ่มก้อน “กลไกรัฐ” นาทีนี้ ความพ่ายแพ้ในทั้งสามเขตเลือกตั้งสะท้อนถึงข้อนี้ได้ชัดเจนที่สุด และเมื่อสถานการณ์ที่คูหาเลือกตั้งของทหาร เทใจให้พรรคที่เสนอถึงการปฏิรูปกองทัพด้วยแล้ว ฉากการเมืองไทยจึงระทึกอย่างยิ่ง
เป็นความระทึกที่จะมีสิ่งคาดไม่ถึงให้เห็นอีกมาก โดยเฉพาะหลัง “ธรรมนัส” กลับถึงไทย พร้อม Mege-project รื้อ-ล้ม กลุ่มอำนาจเก่า โดยการสนับสนุนของ “เพื่อนเก่า”
เมื่อ “ศัตรูร่วมมือศัตรู” เช่นนี้ ยุทธวิธีของ 3ป. จึงต้องแม่นยำ
ตลอดเวลาการครองอำนาจ ย่อมสร้างศัตรูระหว่างทาง ทว่าเมื่อศัตรูร่วมมือกัน จับมือกันในฐานะ “เพื่อน” คนที่ “มีเพื่อนน้อย-ไม่เหลือเพื่อน” จะทำอย่างไร? อาจมีไพ่ใบใหม่ให้เห็น ทั้งในระดับยังให้ที่ยืน และทำลายที่ยืน!!