สธ. แจง ฟาวิพิราเวียร์เพียงพอ แนะใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล

สธ. แจง ฟาวิพิราเวียร์เพียงพอ แนะใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล

จากกรณีความกังวลจากหลายภาคส่วนถึงกรณีความขาดแคลนของยาฟาวิพิราเวียร์ในพื้นที่ชนบทจนเกิดความตระหนักถึงการใช้ยาดังกล่าวในช่วงวิกฤตโควิด 19 นั้น ล่าสุดรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณี “ยาฟาวิพิราเวียร์” ว่า ยังมีคงเหลือทั่วประเทศ 22.87 ล้านเม็ด และทุกจังหวัดยังมียาคงเหลือในคลังยา โดยสัปดาห์นี้จะกระจายยาเพิ่มอีก 15 ล้านเม็ด แม้บางพื้นที่จะมีจํานวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นและทําให้การบริหารจัดการยาไม่คล่องตัวมากนัก หากโรงพยาบาลใดมีแนวโน้มยาจะไม่พอใช้ แจ้งขอเพิ่มเติมจากสํานักงาน สาธารณสุขจังหวัดได้ โดยแนวทางการใช้ยาให้เป็นไปตามแนวทางการรักษาของกรมการแพทย์ ซึ่งที่ผ่านมาในเขต สุขภาพที่ 4, 5, 6 รวม 24 จังหวัด พบมีผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเพียง 26%

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีข่าว ยาฟาวิพิราเวียร์ที่ใช้รักษาผู้ป่วยโควิด 19 ไม่เพียงพอ ว่า ยืนยันขณะนี้ประเทศไทยยังมียาฟาวิพิราเวียร์เพียงพอใน การดูแลผู้ป่วยโควิด 19 โดยมอบให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้จัดหา ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2565 องค์การเภสัชกรรมได้ผลิตและจัดหายาฟาวิพิราเวียร์เข้ามารวม 128.1 ล้านเม็ด เฉพาะช่วงวันที่ 1-28 มีนาคม 2565 มีการผลิตและจัดหายาแล้ว 73.9 ล้านเม็ด ส่งกระจายยาให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ 72.52 ล้านเม็ด ข้อมูลถึง วันที่ 28 มีนาคม 2565 คงเหลือยาทั่วประเทศ 22.87 ล้านเม็ด

โดยพื้นที่ กทม.มียาคงเหลือมากที่สุด 5.12 ล้านเม็ด รองรับผู้ป่วยได้ 1.02 แสนราย ขณะที่จังหวัดอื่น ๆ มียาคงเหลือเพียงพอรองรับผู้ป่วยเช่นกัน ทั้งนี้ ส่วนกลางมีการ จัดหายา และกระจายยาให้แก่ทุกจังหวัดอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ โดยช่วงวันที่ 29 มีนาคม – 2 เมษายน 2565 จะมียาอีก 15 ล้านเม็ด วันที่ 3-9 เมษายน 2565 อีก 11.6 ล้านเม็ด และวันที่ 10-16 เมษายน 2565 จํานวน 20 ล้านเม็ด

นพ. ธงชัย กล่าวว่า ทุกจังหวัดได้รับการกระจายยาฟาวิพิราเวียร์สําหรับใช้รักษาผู้ป่วยโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง แต่ช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาบางพื้นที่มีจํานวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น จึงทําให้การบริหารจัดการยาไม่คล่องตัว หากโรงพยาบาล ใดพบแนวโน้มว่ายาฟาวิพิราเวียร์จะไม่พอใช้ สามารถแจ้งไปยังสํานักงานสาธารณสุขจังหวัดเพื่อบริหารจัดการยาให้ โรงพยาบาลมีใช้อย่างต่อเนื่องได้ สําหรับการใช้ยาจะเป็นไปตามแนวทางการรักษาโรคโควิด 19 ของกรมการแพทย์ ที่กําหนดโดยคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงหลักการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล หากผู้ป่วยไม่มีอาการหรือไม่มีความ เสี่ยงจะไม่จําเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัส โดยแพทย์อาจพิจารณาให้ยารักษาตามอาการหรือยาฟ้าทะลายโจร

จากการติดตามการรักษาผู้ป่วยในเขตสุขภาพที่ 4, 5, 6 รวม 24 จังหวัด พบว่ามีผู้ป่วยที่อยู่ในเกณฑ์ต้องได้รับ ยาฟาวิพิราเวียร์เพียง 26% นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังจัดหายารักษาอื่น ๆ ได้แก่ ยาเรมดิซิเวียร์ ยาโมลนูพิราเวียร์ และยาแพกซ์โลวิด เข้ามาเพิ่มเติม เพื่อให้เป็นทางเลือกสําหรับแพทย์พิจารณาในการรักษาผู้ป่วย ให้เหมาะสมกับอาการและปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วยด้วย