ปธ.ญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวว่า มีแต่”ลุงป้อม”เท่านั้นที่เป็นบุคคลมากด้วยบารมี ที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลงจากอำนาจได้ และหาก”ลุงป้อม”เป็นนายกฯเอง “น้องตู่”ก็หมดกังวลใจว่าจะไม่มีใครตามเช็คบิล
เมื่อวันที่ 28 เม.ย. นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน ว่า การเมืองไทยถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้ง เนื่องจากผู้นำรัฐบาลไร้สภาพการนำและเกิดวิกฤตรอบด้าน หากปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ประเทศชาติจะยิ่งถอยหลัง และเกิดวิกฤตทุกด้านสร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองเกินกว่าที่ใครจะกอบกู้หรือเยียวยาได้ จึงขอเสนอแนวทางแก้ไข ดังนี้
1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หมดสภาพความเป็นผู้นำประเทศไปแล้ว เพราะอยู่ในอำนาจมา 8 ปี มีแต่ทำให้ประเทศถอยหลังแทบทุกด้าน เศรษฐกิจพังพินาศประชาชนทุกข์ยากแสนสาหัส ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลก็ไม่มีปัญญาแก้ไข โควิด-19ก็ไม่มีวันจบ สร้างความแตกแยกของสังคมร้าวลึก พรรคร่วมรัฐบาลก็ขาดความเป็นเอกภาพ กองหนุนก็หดหายลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายจะเหลือเพียง พล.อ.ประยุทธ์ คนเดียว ที่ไม่มีใครอยากคบด้วย
2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ของพี่น้อง 3 ป. ผู้ผลักดันให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็รับทราบดีว่า พล.อ.ประยุทธ์ บริหารบ้านเมืองล้มเหลว หากปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯอีกต่อไปบ้านเมืองจะเกิดความเสียหายเกินจะเยียวยาได้ ในสภาพการณ์ปัจจุบัน ไม่มีบุคคลใดที่จะนำพาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระบบรัฐสภาได้ มีแต่”ลุงป้อม”เท่านั้นที่เป็นบุคคลมากด้วยบารมี ที่จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ลงจากอำนาจได้ และหาก”ลุงป้อม”เป็นนายกฯเอง “น้องตู่”ก็หมดกังวลใจว่าจะไม่มีใครตามเช็คบิล แต่ถ้า”ลุงป้อม” ไม่กล้าเป็นนายกฯแทน”น้องตู่” ก็คงต้องร่วมรับผลกรรมที่”น้องตู่”ทำไว้กับบ้านเมืองทุกประการ
3.การที่พรรคการเมืองใดต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ แกนนำสภาที่ 3 ย่อมสามารถทำได้ เช่น พรรคเศรษฐกิจไทย โดยหากคำแนะนำนั้นเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชน ซึ่งแนวทางของสภาที่ 3 ต้องการสร้างความสามัคคีปรองดองกับคนในชาติ โดยมีรัฐบาลช่วยชาติซึ่งนำบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจ แล้วแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้เป็นประชาธิปไตย ก่อนคืนอำนาจให้ประชาชน หากพรรคเศรษฐกิจไทยร่วมผลักดันให้เกิดแนวทางนี้ได้ ก็จะเกิดคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อชาติบ้านเมือง
4. ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งน.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว เข้าสู่การเมืองและผลักดันให้เป็นนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกับตัวเองและน้องสาวนั้น เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย แต่ผลลัพธ์หลังจากนั้นจะคุ้มค่าหรือไม่ เนื่องจากนายทักษิณคือคู่ขัดแย้งที่การต่อสู้กันทางการเมืองยังไม่ยุติ และยังมีคดีติดตัวอยู่ หากหวังให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแล้วนำนายทักษิณกลับประเทศแบบเท่ๆ โดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมก็จะนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ซ้ำรอยอีก ถ้าอยากกลับบ้านต้องรู้จักอยู่ให้เป็น สนับสนุนให้คนในชาติเกิดความสามัคคีปรองดองกันก่อน แล้วหลังจากนั้นก็จะมีช่องทางให้นายทักษิณกลับบ้านโดยไม่เกิดความขัดแย้ง