“เทพไท” อนาถใจ หนีระบอบทักษิณ มาเจอระบอบประยุทธ์เบื่อ “ระบอบประยุทธ์” เจอ “ระบอบทักษิณ”
(6 พ.ค.65) เทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นต่อสถานการณ์ทางการเมืองว่า อนิจจาการเมืองไทย ผมรู้สึกอนาถใจกับการเมืองปัจจุบัน หนีระบอบทักษิณ มาเจอระบอบประยุทธ์
“ผมเห็นกระแสข่าวเรื่องการแจกกล้วย การซื้อตัว ส.ส. เพื่อแลกกับการโหวตล้มรัฐบาล ค่อนข้างหนาหู ทำให้ผมรู้สึกสลดใจ ไม่คาดคิดว่าการเมืองในปีพ.ศ. 2565 จะย้อนยุคไปเหมือนกับการเมืองในยุคปี 2512 ที่รัฐธรรมนูญในสมัยนั้นกำหนดให้ผู้สมัครส.ส.ลงสมัครส.ส.ได้ โดยไม่ต้องสังกัดพรรค จึงทำให้มีส.ส.อิสระ ไม่สังกัดพรรคจำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มีการออกแบบให้ทุกคะแนนเสียงไม่ตกนำ้ จึงทำให้มีส.ส.ปัดเศษขึ้นมา เป็นส.ส.พรรคเล็กพรรคน้อย พรรคละ1คน จำนวน 10 พรรค ซึ่งไม่ต่างอะไรกับส.ส.อิสระในสภาผู้แทนราษฎร มีอำนาจต่อรองทางการเมืองสูง สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลง หรือเป็นตัวแปรทางการเมืองได้ตลอดเวลา”
เทพไท ระบุ ถ้าย้อนไปในปี 2512 สาเหตุของการยุบสภา การรัฐประหาร ก็มาจากการที่ส.ส.อิสระเคลื่อนไหวต่อรองของบประมาณ แจกซองขาวในห้องน้ำก่อนโหวตลงมติ สร้างความปั่นป่วนกับรัฐบาลของจอมพลถนอม กิตติขจรในสมัยนั้น เมื่อมาถึงสมัยนี้รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่ต่างอะไรกับสภาพของรัฐบาลในยุคนั้น การเมืองไม่ได้ก้าวหน้า หรือพัฒนาไปในทางที่ดีเลย ข้ออ้างของคณะรักษาความมันคงแห่งชาติหรือ คสช. ที่ต้องการปฏิรูปการเมืองก่อนการเลือกตั้ง นับว่าเป็นการเป็นความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง มิหนำซ้ำยังถอยหลังเข้าคลองไปกว่า 50 ปี เป็นความอัปยศของการเมืองไทยอย่างไม่จบสิ้น
สำหรับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ และมีให้เห็นอย่างโจ๋งครึ่ม ซึ่งเป็นที่รับรู้กันทั่วไป ก็คือ
1.การแจกกล้วยให้กับ ส.ส.เพื่อแลกกับการโหวตลงคะแนนสนับสนุนฝ่ายตนเอง
2.เกิดสภาพส.ส.งูเห่า ส.ส.ฝากเลี้ยงอยู่ในพรรคการเมืองต่างๆ มีการจ่ายเงินรายเดือนคนละ 1-3 แสนบาทต่อเดือน
3.มีการตกเขียวส.ส.ล่วงหน้า มีการจ่ายเงินมัดจำ และมีการจัดโครงการงบประมาณลงในพื้นที่ เพื่อสร้างผลงานและเก็บเงินทอน
4.มีการเจราจาย้ายพรรค ซื้อต้วส.ส.เหมือนตลาดนัดวัวควาย คนละ 20-50 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับเกรดของส.ส.แต่ละคน
เทพไท ทิ้งท้ายว่า ผมรู้สึกอนาถใจกับการเมืองในปัจจุบัน สิ่งที่เราเคยพบเห็นสภาพการเมืองในอดีต คนไทยต้องการหนีระบอบทักษิณ ก็มาเจอระบอบประยุทธ์ ที่ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย และในบางเรื่องในบางประเด็น ยิ่งเลวร้ายกว่าระบอบทักษิณเสียอีก การการเมืองไทยยังตกอยู่ในวังวนเดิมอีกต่อไปไม่มีวันจบสิ้น หนีระบอบทักษิณ มาเจอระบอบประยุทธ์ เบื่อระบอบประยุทธ์ อาจต้องเจอระบอบทักษิณอีกครั้ง เสี่ยงที่จะเกิดการชุมนุมขับไล่ แล้วก็มาจบที่การรัฐประหาร นับว่าเป็นวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทยอย่างแท้จริง อนิจจาประเทศไทย