“สนธิรัตน์” แนะแก้ของแพง รัฐบาลต้องปรับวิธีคิดและการทำงาน โดยมองตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ใน 3 มิติหลัก
วันที่ 5 ก.ค.65 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า วันนี้ไม่มีอะไรที่เป็นโจทย์ใหญ่เท่ากับทำอย่างไรถึงจะบรรเทาแบ่งเบาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนครับ เป็นที่น่ายินดีของคนไทยกับการขยับของนายกรัฐมนตรีในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศตามที่ผมได้เสนอแนะในสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเทียบกับ ครม. เศรษฐกิจ และ การมองหาแหล่งพลังงานใหม่ๆ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในยามวิกฤตเช่นนี้
ซึ่งจากที่ผมได้เสนอว่า การยกปัญหาพลังงานให้เป็นวาระแห่งชาติเป็นสิ่งจำเป็น และการมองหาทางแก้ไขใหม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะเรื่องแหล่งพลังงาน แต่ผมขอเสนอต่อว่าในการแก้ไขปัญหาปากท้องของแพงในปัจจุบัน รัฐบาลต้องปรับวิธีคิดและการทำงาน โดยมองตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ใน 3 มิติหลัก คือ
1.มิติค่าขนส่ง อย่างราคาพลังงาน เช่น น้ำมันและแก๊สที่เพิ่มสูงขึ้นจะมีผลต่อราคาสินค้าปลายทางเพิ่มขึ้นโดยปกติค่าขนส่งจะเป็นประมาณ 2% ของราคาขายสินค้าหากคำนวณถึงวัตถุดิบจะคิดเป็นประมาณ 70% ของต้นทุนทำให้ค่าขนส่งวัตถดิบแฝงต้นทุนค่าขนส่งในราคาสินค้าอีกประมาณ 1.5-2% หมายความว่าต้นทุนค่าขนส่งต่อราคาสินค้ามีโอกาสเพิ่มอย่างน้อย 3-4 % ดังนั้น การกำกับและควบคุมต้นทุนสินค้าพลังงานจึงถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องแก้ไข
2. มิติต้นทุนการผลิตอาหาร ซึ่งมีหัวใจสำคัญต่อต้นทุนสินค้าตัวอย่างเช่น เรื่องต้นทุนอาหารสัตว์ ปุ๋ยเคมี ซึ่งการแก้ปัญกาปลายทางอย่างกำกับควบคุมราคาสินค้าอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องเข้าไปดูที่ต้นทางโดยไปดูทีละรายการที่เป็นปัญหาเช่นการลดหย่อนภาษีต่อสินค้านำเข้าที่เป็นวัตถุดิบ การจัดหาปุ๋ยราคาถูกจากแหล่งอื่นๆของโลก หรือแม้กระทั่งรัฐบาลช่วยเหลือเกษตรกรจัดปุ๋ยถูกตามจำนวนไร่ให้เกษตรกรแต่ละรายเพื่อช่วยลดต้นทุน ทั้งหมดเป็นการแก้ที่ต้นน้ำของราคาสินค้า
3. มิติการบริหารจัดการต้นทุนสินค้าไปสู่มือพี่น้องประชาชน อย่างผู้ค้าส่งและค้าปลีก ผ่านการป้องกันไม่ให้เกิดการค้ากำไรเกินควรรวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนผู้ค้าที่เป็นผู้ค้าที่ดีให้ค้าขายได้ เช่น อาจนำส่วนที่ร่วมมือไปหักภาษีหรือค่าใช้จ่าย เป็นต้น ดังนั้น การบริหารและแก้ไขปัญหาจะต้องมองแบบองค์รวมและบูรณาการ
นายสนธิรัตน์ ระบุ ตัองดูปัญหาตั้งแต่ต้นทางที่จะไปกระทบต่อต้นทุนสินค้าและปลายทางที่รัฐอาจต้องเข้าไปควบคุมดูแล ผ่านความร่วมมือกันของหน่วยงานอย่าง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงานและส่วนงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง วันนี้ความเดือดร้อนของประชาชนต้องเป็นเรื่องสำคัญที่สุดครับ ผมขอส่งต่อข้อเสนอทางออกให้กับรัฐบาลได้ปรับปรุงแก้ไขและหวังว่าจะนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อบรรเทาปัญหาต่อไปครับ