สรุปฉากการเมืองไทยในรอบ 3 ปีผ่านเวทีศึกซักฟอก
ในวันที่ 19-22 กรกฎาคม 2565 นี้ ถือเป็นวันชี้ชะตาครั้งสุดท้ายของรัฐบาลประยุทธ์ 2 ที่ฝ่าลมฝนมาตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา และครั้งที่หนักสุดดูเหมือนจะเป็นการซักฟอกครั้งที่ 3 ในปลายเดือนสิงหาคม-ต้นเดือนกันยายนที่เกิดทั้งกบฏทั้งงูเห่าในครั้งนั้น นำไปสู่การขับออกจากพรรคและขับออกจากตำแหน่ง
โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นถือเป็นเหตุการณ์การเมืองแห่งปีที่ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภายกให้เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทอดระยะเวลาความขัดแย้งมาจนถึงปัจจุบัน และสำหรับการอภิปรายทั้ง 4 ครั้ง มักจะมีวาทะทั้งจากผู้นำฝั่งรัฐบาลและฝ่ายค้านมาให้เห็นอยู่เสมอๆ วันนี้จึงขอพาชมวาทะที่เกิดขึ้นระหว่างศึกซักฟอกทั้ง 4 ครั้ง เพื่อเป็นการชิมลางก่อนการลงมติที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้
ครั้งแรก การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย พ.ศ.2563 ระหว่างวันที่ 24-27 กุมภาพันธ์ 2563 หลังจากยุบพรรคอนาคตใหม่ วาทะเด็ดครั้งนั้นที่เป็นที่เลื่องลือมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจของนายธีระชัย พันธุมาศ ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้น ต่อการกล่าวหา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ต่อกรณีข้อหาพัวพันกับคดียาเสพติดและความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งว่ามีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
โดยธรรมนัสออกมาตอบโต้เรื่องดังกล่าวจนเป็นวาทะเลื่องลือ ที่ว่า “มันคือแป้ง” ความว่า
“สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดของรัฐนิวเซาท์เวลส์ อ้างว่าเป็นเฮโรอีน 3.2 กิโลกรัมมันคือแป้ง” เป็นการชี้แจงของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์
และเหตุการณ์ครั้งสำคัญครั้งนี้ยังรวมถึงการเปิดขบวนการไอโอ (กองทัพ) ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ต่อกรณีการจัดทำปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารของกองทัพ โดย กอ.รมน. ในการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการคุกคามสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ดูแลหน่วยงานดังกล่าวที่ทำสิ่งดังกล่าว ความว่า
“กองทัพกระทำเองโดยพลการไม่ได้หรอกครับ เพราะต้องมีคำสั่ง มีการสนับสนุนภารกิจ มีการใช้งบประมาณ ดังนั้นภารกิจคุกคามประชาชนผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ นี้ จึงเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งโดยมิชอบ โดยมีนายกฯ และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าไปเป็นมะลิงกิงกองมะล่องก่องแก่งในงานนี้ด้วย ผมยืนยันและอยากจะให้มินิฮาร์ทกับท่านนายกฯ ว่าท่านกล้าทำได้ยังไง”
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร
ครั้งที่สองการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ระหว่างวันที่ 16-19 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อการกล่าวหาเรียกรับผลประโยชน์ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม โดยออกมาตอบโต้ว่า
“ใครที่กล่าวหาว่าผมรับประโยชน์ ผมยืนยันบาทเดียวก็ไม่เกี่ยวข้อง เงินชั่วๆ ไม่รับ รับแต่สิทธิประโยชน์ของผมตามกฎหมายเท่านั้น”
นอกจากนี้ยังรวมถึงการเปิดอภิปรายถึงการแอบอ้างสถาบันฯ ของนายกรัฐมนตรี จนมีการประท้วงกันไปมา ระหว่างการอ่านญัตติเปิดอภิปรายของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยมีทีมที่เรียกว่า องครักษ์พิทักษ์สถาบัน อย่างนางสาวปารีณา ออกมากล่าวประท้วงประธานสภาฯ ว่า “วันนี้ท่านกำลังเปิดสภาให้จาบจ้วงสถาบันฯ” ก่อนที่นายชวน หลีกภัย จะออกมายืนยันว่าญัตติถูกต้องและขอรับผิดชอบเองหากมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ
หรือรวมถึงการปะทะคารมระหว่าง พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียเวช และนายสิระ เจนจาคะในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถึงการเรียกรับผลประโยชน์จากบ่อนพร้อมเปิดคลิปวิดีโอ และตั้งคำถามว่า “เอาเงินมาจากไหน เอามาจากบ่อนหรือไม่” จนนายสิระประท้วงด้วยถ้อยคำบริภาษ ความว่า
“ต้องโง่ขนาดไหน” และ “ท่านแก่แล้วแก่เลยจริงๆ” จน พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ ต้องออกมาตอบโต้กลับในการประท้วงว่า “เห้ย! นั่งลงไอ้นักโทษ” ก่อนอภิปรายจนจบท่ามกลางการประท้วงอย่างต่อเนื่องของพรรค พปชร.
ครั้งล่าสุด การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย สิงหาคม-กันยายน พ.ศ. 2564 อันเป็นที่มาของกบฏล้มนายกฯ โดยมีวาทะการตอบโต้ระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ และร.อ.ธรรมนัส รวมถึงการแฉการแจกเงินเพื่อแลกกับคะแนนลงมติ เช่น
“ต้องเอานายกฯ ออกตอนนี้ อันนี้คือข่าวนะ จะมีเปลี่ยนแปลงมา ไม่เอานายกฯ แล้ว ปัดโธ่! เรื่องแบบนี้อย่าไปฟังเลย ใครเชื่อก็โง่แหละ โง่จริงๆ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการเปลี่ยนนายกฯ
“การแอบอ้างเบื้องสูงถือว่าผิดอย่างร้ายแรง ผมคนเดียวเท่านั้นที่ได้มีโอกาสถวายข้อราชการ คนอื่นไม่มี” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการเปลี่ยนนายกฯ
“ยืนยันว่าผมไม่คุยกับนายกฯ แต่คุยกับรองนายกฯ หัวหน้าพรรคผม” ร.อ.ธรรมนัส ตอบคำถามถึงมีการพูดคุยกับนายกหรือไม่ ต่อกระแสข่าวการโหวตล้มนายกฯ
และในตอนสุดท้าย ก่อนวันลงมติ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้ออกมาให้ข่าวถึงการแจกเงินเพื่อลงมติไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในครั้งนั้น ด้วยการลุกขึ้นอภิปรายในสภาฯ ท่ามกลางบรรยากาศห้องประชุมที่เงียบเหงา ความว่า
“คนที่อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตอนนี้ สง่างามหรือไม่ ผมขอท่านชวน หลีกภัย เป็นเสาหลักให้ประชาชนคนไทยด้วย ผมขอประกาศไปทั่วโลก ว่าขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จ่ายเงินให้ส.ส. คนละ 5 ล้านบาท ที่ห้องทำงานชั้น 3 ถือเป็นพฤติกรรมที่อุกอาจ ทุจริต ต้องการอยู่ในตำแหน่ง จนถึงต้องให้ ส.ส. ไปรับเงินกลางสภาฯ ล่มเถอะครับ หน้าไม่อาย”
สำหรับวาทะเด็ดทั้งสามครั้งถือเป็นการสรุปและประมวลภาพเหตุการณ์การเมืองในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดีและการอภิปรายครั้งสุดท้ายนี้จะมีวาทะเด็ดหรือเหตุการณ์สำคัญอะไรอีก คงต้องติดตามในตลอดระยะเวลา 4 วัน
#NewsXtra #อภิปรายไม่ไว้วางใจ65
.
ที่มา
– บีบีซีไทย (2564), “อภิปรายไม่ไว้วางใจ : คำชี้แจงจากปากประยุทธ์-ธรรมนัส ท่ามกลางข่าวลือเขย่าเก้าอี้นายกฯ”, https://www.bbc.com/thai/thailand-58430563
– กรุงเทพธุรกิจ (2564), “’วิสาร’ ปูด ‘นายกฯ’ แจกเงิน ส.ส.คนละ 5ล้าน กลางสภาฯ”,https://www.bangkokbiznews.com/politics/957994
– บีบีซีไทย (2564), “อภิปรายไม่ไว้วางใจ : 10 รมต. รอดซักฟอก ณัฏฐพลได้คะแนน ‘ไว้วางใจ’ ต่ำสุด พร้อมเปิดชื่อ ส.ส. ‘งูเห่า’”, https://www.bbc.com/thai/thailand-56136124