การเมืองวันนี้รู้ไว้ไม่ตกข่าว : คุก 3 ปี เหรียญทอง หมิ่น สิระ-กห.ยัน ไม่มีรัฐประหาร

สรุปข่าวการเมือง วันที่ 28 กันยายน 2565

คุก 3 ปี เหรียญทอง หมิ่น สิระ :

พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า วันนี้ได้เดินทางไปฟังคำพิพากษาศาลอาญาในคดีที่ “สิระ เจนจาคะ” อดีต ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เป็นโจทก์ฟ้องผมในคดีหมิ่นประมาท ศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุกผมข้อหาหมิ่นประมาท 3 กรรม กรรมละ 1 ปี เสียค่าปรับให้ศาล 300,000 บาท โทษจำคุก 3 ปีให้รอลงอาญา ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก พล.ต.นพ.เหรียญทอง ได้โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 18 พ.ค.2564 พาดพิง สิระในทำนอง “ไอ้กุ๊ยหลักสี่”

ชวน ติง ม.เอกชนเบี้ยว กยศ :

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวตอนหนึ่งว่า สำหรับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) หลายสถาบันทำได้ดีเพราะอาจารย์ท่านเข้มงวด แต่เมื่อไปดูของเอกชน เชื่อหรือไม่ว่าร้อยละ 80 ไม่คืน เป็นไปได้อย่างไร ซึ่งผมได้สัมผัสและสอบถามด้วยตัวเอง โดยผมถามผู้ปกครองเด็กว่า ไม่คืนเพราะอะไร ซึ่งเขาก็บอกตรงๆว่ามีบางแห่งอาจารย์ได้แนะนำว่าไม่ต้องคืน ซึ่งมหาลัยเหล่านั้นก็รุ่งเรือง ฐานะดี แต่เสียดายที่ไม่แนะนำไปในทางประชาธิปไตยที่ต้องรู้จักสิทธิและหน้าที่

หมอเก่ง จวก กัญชาเสรี

นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงนโยบายกัญชาเสรีว่า สถานการณ์กัญชาในประเทศไทยตอนนี้ถือว่ามีความเสรีมากที่สุดในโลก ประชาชนสามารถหาซื้อกัญชาได้ง่ายกว่าสุราและบุหรี่ เนื่องจากสุรายังมีช่วงเวลาที่ถูกจำกัดการขาย ส่วนบุหรี่นั้นก็ไม่สามารถวางแสดงผลิตภัณฑ์ได้ ณ จุดจำหน่าย แต่ที่น่าอนาถจิตอนาถใจที่สุด คือ เหล้ากับบุหรี่นี่คนขายไม่สามารถโฆษณาได้เลยนะ แต่ประเทศไทยตอนนี้นี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนำกระทรวงฯ ออกมาโปรโมทกัญชา นี่มันหนักกว่าเหล้าและบุหรี่อีก

กห.ยัน ไม่มีรัฐประหาร :

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวรัฐประหาร โดยยืนยันว่า ไม่มีรัฐประหาร ใครจะพูดอย่างไร ด้วยวัตถุประสงค์อะไร ก็ต้องไปถามคนนั้น เพราะทหารไม่มีเงื่อนไขอะไรที่นำไปสู่ตรงนั้น อีกทั้งในที่ประชุมสภากลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้พูดถึงประเด็นดังกล่าว “ผมยืนยันว่าไม่มีรัฐประหารทั้งสิ้น ขอให้อุ่นใจ และสบายใจ ส่วนวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ มีภารกิจอะไรต่อนั้น คงตอบไม่ได้”

ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% :

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 0.75 เป็นร้อยละ 1.00 ต่อปี โดยให้มีผลทันที ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่มีความเสี่ยงจากเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น จึงเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปเข้าสู่ระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว และในกรณีที่แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้าเปลี่ยนไปจากที่ประเมินไว้ คณะกรรมการฯ พร้อมที่จะปรับขนาดและเงื่อนเวลาของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เหมาะสมต่อไป