“สร้างอนาคตไทย” ลงพื้นที่อุบลฯให้กำลังใจปชช. สู้ภัยน้ำท่วม ชี้สถานการณ์วิกฤตหนักใกล้เคียงปี 62 แนะรัฐบาลระดมความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนเพื่อเร่งบรรเทาทุกข์ให้ชาวบ้าน เรียกร้อง กกต. ทบทวนกติกา 180 วัน เปิดโอกาสระดมทุกภาคส่วนช่วย อย่าลอยแพ ปชช. ผจญวิกฤตน้ำท่วม บอก “สุดช้ำ” มอบได้แค่กำลังใจ
วันนี้ (3 ต.ค.65) อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พรรคสร้างอนาคตไทย นำโดย ดร.อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสุพล ฟองงาม รองหัวหน้าพรรคและประธานภาคอีสาน นายนริศ เชยกลิ่น รองหัวหน้าพรรคและโฆษกพรรคนายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรคและประธานภาคกลาง นายสุทธิชัย จรูญเนตร รองประธานภาคอีสาน นางสาวโชนรังสี เฉลิมชัยกิจ รองโฆษกพรรค นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร กรรมการบริหาร นายเชิดศักดิ์ โภคกุลกานนท์ ว่าผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัครจังหวัดอุบลราชธานี เขต 7 นายวิชัย สวัสดิภาพ ว่าผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัครจังหวัดอุบลราชธานี เขต 9 และนางสาวโยธากาญจน์ ฟองงาม ว่าผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัครจังหวัดอุบลราชธานี เขต 3 ลงพื้นที่อำเภอวารินชำราบ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและให้กำลังใจพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยในศูนย์พักพิงเทศบาลวารินชำราบ พร้อมเข้าเยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วยติดเตียง ด้านกลุ่มผู้แทน 17 ชุมชนและ อสม. เข้าต้อนรับ บอกซึ้งใจที่เดินทางมาให้กำลังใจ อวยพรให้ได้ไปเป็นรัฐบาล ฝากความหวังแก้ปัญหาพี่น้องประชาชน
ดร.อุตตม กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบว่าประชาชนกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก กว่า 2,000 ครัวเรือน จำนวนกว่า 6,000 คน ช่วงกว่า 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องออกจากบ้านมาอาศัยที่ศูนย์พักพิง บางส่วนก็ติดอยู่ในบ้านที่น้ำท่วมสูงขาดแคลนน้ำอาหารขณะที่ดูเหมือนความช่วยเหลือจากภาครัฐเองจะยังไม่เพียงพอและทันต่อสถานการณ์ จึงอยากเสนอให้รัฐบาลระดมความช่วยเหลือจากทุกฝ่ายมาช่วยคนอุบลฯ ในส่วนของพรรคฯ จะพยายามดูแลประชาชนเท่าที่กฎหมายเปิดทางให้ เนื่องจากขณะนี้กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งมีผลบังคับแล้ว
อย่างไรก็ตามปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วมน้ำแล้งในพื้นที่อุบลฯตลอดจนทั้งภาคอีสาน จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบ แม้หลายปีที่ผ่านมาทุกรัฐบาลจะออกมาพูดเรื่องการบริหารจัดการน้ำ โขงชีมูล แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆนัก จำเป็นต้องนำกลับมาดำเนินการอย่างจริงจัง และยึดโยงกับการบริหารน้ำระดับชุมชน มีการขุดแก้มลิงเก็บน้ำ รวมไปถึงสนับสนุนการกักเก็บน้ำระดับครัวเรือน เช่น ธนาคารน้ำใต้ดิน ซึ่งจะเป็นการจัดการที่ยั่งยืน ตนคิดว่าประเทศไทยจะต้องจัดการน้ำโดยด่วน เพราะความเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศโลก จะทำให้ประเทศไทยพบกับภัยพิบัติหนักขึ้นเรื่อยๆนับจากนี้
ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตนลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีทุกครั้งที่เกิดสถานการณ์น้ำท่วม แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งก็ไม่เคยคิดที่จะทิ้งพ่อแม่พี่น้องประชาชน แต่ด้วยข้อจำกัดกติกาทางการเมือง ทำให้ตนและพรรคสร้างอนาคตไทยถึงแม้อยากจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนมากเพียงใดก็ทำได้แค่เพียงการให้กำลังใจเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าในภาวะที่ปัญหาน้ำท่วมหนักทั่วประเทศขณะนี้ น่าเสียดายที่พรรคการเมืองต่างๆ มีข้อจำกัดในการที่จะใช้บุคลากรของพรรคการเมืองในการแบ่งเบาภาระของพี่น้องประชาชน ซึ่งตนมองว่าโอกาสแบบนี้ต้องร่วมมือร่วมใจกันเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ดังนั้น จึงอยากจะฝากถึงทาง กกต. ว่าจะมีช่องทางใดที่พรรคการเมืองสามารถแบ่งเบาภาระพี่น้องประชาชนได้บ้างก็อยากให้ กกต.ลองพิจารณาดู เพราะว่าเป็นภาวะของความยากลำบากของพี่น้องประชาชนจริงๆ
ขณะที่นายสุพล กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เป็นพื้นที่รับมวลน้ำทั้งหมดไล่มาตั้งแต่จังหวัดนครราชสีมา จนมาถึงอุบลราชธานี ซึ่งขณะนี้ ถือว่ามวลน้ำจริงยังมาไม่ถึง แต่ระดับน้ำในตัวจังหวัดเองก็อยู่ในระดับที่สูง ตนและว่าที่ผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัคร สส. ของพรรค ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมทุกวันด้วยความห่วงใยพี่น้องประชาชน แม้ว่าจะแจกสิ่งของช่วยเหลือไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็เป็นฝ่ายประสานความช่วยเหลือที่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการให้ข้อมูลพื้นที่กับฝ่ายนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อวางนโยบายการแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน ซึ่งตนมั่นใจว่าด้วยบุคลากรที่มีความสามารถของพรรคและการทำงานที่สอดประสานทั้งคนในพื้นที่และส่วนกลาง จะนำไปสู่การแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างแน่นอน