รายงานข่าวจาก Nikkei Asia ถึงบทสัมภาษณ์ของมหาเธร์ โมฮัมหมัด (Mahathir Mohamad) ซึ่งเป็นผู้นำพันธมิตรฝ่ายค้านสู่ชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ในการเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซียปี 2018 ระบุว่ามีความหวังเพียงเล็กน้อยที่จะกลับมาชนะอีกครั้งในการเลือกตั้งครั้งหน้า
UMNO ในมุมมองของมหาเธร์
ในการให้สัมภาษณ์ มหาเธร์นักการเมืองผู้มากบารมีในการเมืองมาเลเซียวัย 97 ปี คาดการณ์ว่าองค์การแห่งชาติมาเลย์แห่งมาเลย์ (UMNO) ผู้ปกครองจะรักษาอำนาจได้สำหรับในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่คาดว่าจะจัดขึ้นก่อนสิ้นปีนี้ โดยกล่าวว่า
“พวกเขามีโอกาสที่ดีที่จะชนะเพราะพวกเขามีเงินเป็นจำนวนมาก” มหาเธร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึงสองครั้ง อดีตผู้นำ UMNO เองผู้ดำรงตำแหน่งมาอย่างยาวนาน
มหาเธร์ให้สัมภาษณ์กับ Nikkei Asia ในขณะที่รัฐบาลกำลังเตรียมเปิดงบประมาณใหม่ในวันศุกร์ที่ 7 ตุลาคมทีผ่านมา โดยเขาคาดว่า การยุบสภาอาจเกิดขึ้นเพื่อการเลือกตั้งในเร็วๆนี้หลังจากที่ นายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ (Ismail Sabri Yacob) รองประธาน UMNO อยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักจากภายในพรรคให้มีการเลือกตั้งในขณะนี้ ก่อนที่ปัญหาทางเศรษฐกิจหรือการพัฒนาอื่นๆ อาจส่งผลกระทบต่อโอกาสของการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ มหาเธร์ยังได้พูดถึงแนวโน้มของนาจิบ ราซัก (Najib Razak) แห่ง UMNO อดีตนายกรัฐมนตรีที่เพิ่งถูกจำคุกในข้อหาคอร์รัปชั่น เช่นเดียวกับอนาคตของเขาเองในการเมืองในขณะที่เขาอายุใกล้จะถึง 100 ปีว่า
พรรค UMNO ได้ปกครองมาเลเซียตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 2500 ยกเว้นช่วงเวลาสองปีหลังการเลือกตั้งปี 2561 มหาเธร์ ซึ่งแยกตัวออกจากพรรคและจัดการเอาชนะได้ เห็นว่ารัฐบาลชุดใหม่ของเขาล่มสลายหลังจากผ่านไปเพียง 22 เดือนเนื่องจากความขัดแย้งภายใน ปูทางให้ UMNO กลับมาสู่อำนาจ
แม้ว่ามหาเธร์จะเชื่อมั่นว่า UMNO ถูกกำหนดให้ชนะอาณัติใหม่เป็นเวลาห้าปี แต่เขาก็ยังมองเห็นความขัดแย้งภายในข้างหน้า “จะมีการต่อสู้ทางการเมืองที่เข้มข้นมากขึ้นเพราะแน่ใจว่าพวกเขาไม่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันอยู่ในอำนาจต่อไป”
แม้ Ismail Sabri นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนปัจจุบัน จะไม่เห็นด้วยกับประธาน UMNO อย่าง Ahmad Zahid Hamidi เกี่ยวกับระยะเวลาสู่การนับถอยหลังในการเลือกตั้งครั้งใหม่ และปัญหาภายที่ต้องเผชิญภายในพรรคเกี่ยวกับผู้นำที่จมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปที่ยังคงเต็มไปด้วยความขัดแย้ง
เขาแนะนำว่า Ismail Sabri อาจไม่ได้รับโอกาสให้ดำรงตำแหน่งต่อในแคนดิเดตครั้งหน้า แต่เขามองว่าเขาที่จะมารับไม้ต่อ อย่าง Ahmad Zahid อดีตรองนายกรัฐมนตรีที่เพิ่งพ้นจากข้อหาทุจริต 40 กระทง อาจมีโอกาสที่จะรับตำแหน่งสูงสุดนี้แทน ขณะที่แคนดิเดตคนถัดมาที่พรรคอาจเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกคนอาจเป็น Mohamad Hasan รองประธานพรรคซึ่งส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมน้อยที่สุด” มหาธีร์กล่าว
และสำหรับอีกปัจจัยที่น่าจับตามองต่อคำถามว่า อดีตผู้นำ Najib บุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมหาศาลในพรรครัฐบาล ซึ่งขณะนี้ได้รับโทษจำคุก 12 ปี ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาว 1Malaysia Development Berhad (1MDB) มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในคดีฉ้อโกงที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังคงมีอิทธิพลอยู่หรือไม่
มหาเธร์ ตอบว่า สำหรับเขาเองคิดว่า “อดีตนายกรัฐมนตรีที่น่าอับอายยังคงมีบทบาทและอิทธิพลในพรรคอยู่มากแม้จะอยู่หลังลูกกรง Najib ยังคงเป็นศูนย์กลางของพรรคและหวังว่าจะมีอิทธิพลอีกครั้ง เพราะเขาอาจคิดว่าถ้า UMNO ชนะ เขาก็จะได้รับการอภัยโทษ และสามารถกลับมาเป็นผู้นำและอาจกลายเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป”
และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ท้ายที่สุดอาจมีความเป็นไปได้ที่คดีอาญาอื่นๆ ที่ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาของนาจิบ และอดีตรัฐมนตรีอาจถูกเพิกถอนได้ หาก UMNO จัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไป
เมื่อถามถึงกรณีเลือกตั้งครั้งหน้าและโอกาสในการลงสมัครส.ส. ลังกาวีอีกครั้ง?
มหาเธร์กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะแตกต่างจากการเลือกตั้งครั้งก่อน เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญลดอายุการลงคะแนนเป็น 18 ในปี 2020 ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 21 ปีมากกว่า 5 ล้านคนจะมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเป็นครั้งแรก จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 21.1 ล้านคน
ประกอบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะถูกห้ามไม่ให้เปลี่ยนพรรคการเมืองด้วย เนื่องจากกฎหมายการห้ามย้ายพรรค anti-party-hopping law ที่เพิ่งประกาศเมื่อไม่นานนี้
ในส่วนของมหาเธร์สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า เขากล่าวว่า เขายังคงอยู่ระหว่างการตัดสินใจในการลงเลือกตั้งเพื่อรักษาที่นั่งในสภาฯ ของลังกาวี เอาไว้ แม้ว่าแพทย์จะได้แนะนำให้เขาพักผ่อนแล้วก็ตาม ถ้าเขาลงสมัคร เขาอาจจะเป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตรพรรคเล็กๆ ที่มีฐานอยู่ในมาเลเซียและอาจชนะได้ถึง 60 ที่นั่ง