อดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของ มาเลเซีย จากพรรค UMNO ซึ่งต้องโทษคุมขัง ได้กลับมาขึ้นศาลอีกครั้งในวันพฤหัสบดีทีผ่านมา เพื่อขอให้มีการทบทวนคดีที่เกี่ยวข้องกับ 1MDB อีกครั้งและถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของเขาที่จะกลับคำตัดสินจำคุก 12 ปีของเขา
การรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบแน่นหนา เนื่องจากยังมีกลุ่มผู้สนับสนุนที่มรวมตัวกันที่หน้าศาลรัฐบาลกลางในเมืองหลวงของฝ่ายบริหารปุตราจายา โดยพวกเขาชูป้ายที่มีคำว่า “Solidarity for Bossku” ซึ่งเป็นชื่อเล่นของนาจิบที่แปลว่า “เจ้านายของฉัน”
สำหรับนาจิบ ราซัค (วัย 69 ปี) รายนี้เริ่มรับโทษจำคุกในเดือนสิงหาคม หลังจากศาลรัฐบาลกลางของมาเลเซียยืนตามคำตัดสินก่อนหน้านี้ที่ตัดสินให้เขาโอนเงิน 42 ล้านริงกิต (9.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นของ SRC International ไปยังบัญชีธนาคารส่วนตัวของเขา และ SRC เป็นหน่วยงานเดิมของ1MDBซึ่งเป็นกองทุนเพื่อการลงทุนที่มีเงินหลายพันล้านดอลลาร์สูบฉีดไปทั่วโลก
มีการระบุว่า นาจิบกำลังขอให้มีการพิจารณาโดยให้เหตุผลว่าผู้พิพากษาศาลสูงผู้ตัดสินควรถูกตัดสิทธิ์เนื่องจากผลประโยชน์ทับซ้อน ท่ามกลางเหตุผลอื่นๆ ตามคำกล่าวของทนายความ Shafee Abdullah
โดยอดีตนายกรัฐมนตรีถูกตัดสินครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม 2563 ในข้อหาใช้อำนาจโดยมิชอบ ฟอกเงิน และละเมิดความไว้วางใจทางอาญาที่เกี่ยวข้องกับคดี SRC คำพิพากษาดังกล่าวซึ่งรวมค่าปรับ 210 ล้านริงกิต (48.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มเติมจากโทษจำคุก ยังคงอยู่โดยศาลอุทธรณ์ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 โดยผู้พิพากษาอ้างถึงการกระทำของนาจิบว่าเป็น “ความอับอายของชาติ”
เขายื่นอุทธรณ์ขั้นสุดท้ายต่อศาลรัฐบาลกลางในระหว่างที่อยู่ในระหว่างประกันตัว และในเดือนกันยายนได้ยื่นขอทบทวนคำตัดสินของศาลเพื่อคงไว้ซึ่งความเชื่อมั่น โทษจำคุก และค่าปรับ
และยังได้ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ยังคงถูกพิจารณาคดีในข้อหาทางอาญาอื่นๆ อีกหลายสิบคดีที่เชื่อมโยงกับกองทุนของรัฐที่มีปัญหา ซึ่งแต่ละคดีมีโทษจำคุกและโทษทางการเงินจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติของรัฐบาลของ นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมต่อคดีดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลของอันวาร์ได้รับการสนับสนุนจาก ฮามิดี ซาฮิด ประธานกลุ่ม UMNO คนปัจจุบัน ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญ
หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ส่งผลให้รัฐสภาที่ไม่มีเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาดในสภาฯ หรือสภาแขวน (hung parliament)
