เป็นที่แน่นอนแล้วว่า อำนาจเก่ากำลังถูกท้าทายขึ้นที่จังหวัดชลบุรี แดนสนธยาแห่งนี้ เมื่อคนเกิดมาชาติดีวาสนาได้เป็นรัฐมนตรี สมชื่อ สุชาติ (สุ ซึ่งแปลว่า ดี และชาติซึ่งแปลว่าการกำเนิด) นิทานเรื่องนี้เพิ่งจะถึงตอนสนุก เร้าใจ และมีกำลังภายใน ตอนต้นปีที่แล้ว หลังจากที่คนชาติดีมีกำเนิดได้มาเกิดในแดนสนธยา (คุณปลื้ม) เรื่องราวการประคบประหงม ทวงน้ำข้าวน้ำแกงจึงเกิดขึ้น
เริ่มต้นหมัดแรกที่นายสนธยา คุณปลื้ม หรือ พี่แป๊ะ ออกหมัดฮุกรัวๆ เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 65 โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า วันหยุดที่ผ่านมามีใครต่อใครเป็นห่วงเป็นใยโทรมาถามกันมากเรื่องเลือกตั้งทั่วไปว่ากลุ่มเรารักชลบุรีจะต้องสลายตัว เพราะพลังประชารัฐจะเลือกผู้สมัครมาลงเอง เจ้าตัวบอกว่า ได้ไปคุยกับผู้ใหญ่ และผู้ใหญ่บอกว่า
ผมได้รับคำตอบสั้นๆ ว่า “มันก็อยากจะสร้างอาณาจักร อย่าไปสนใจ” เรื่องน่าจะจบแค่นั้น แต่ไม่ใช่ เพราะยังมีหลายอย่างที่น่าคิดโดยเฉพาะประโยคที่ว่า “อย่าไปสนใจ” จริงๆ ผมก็พยายามไม่สนใจมานาน
แต่เริ่มรู้สึกว่าหมาเริ่มก้าวร้าว ทั้งที่อุ้มชูมายาวนาน คนชลบุรีรักใครรักจริง คบใครคบจริง เราเป็นแบบนี้กันมาตลอด นับญาติกันมาตั้งแต่เกิด แต่กับการทรยศ หักหลัง เราก็จะไม่นิ่งเฉย
จากนั้นต่อมานายสุชาติ ชมกลิ่น “รัฐมนตรีเฮ้ง” จึงออกหมัดสวนต่อเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ระบุ หมาไม่เคยทิ้งเจ้าของ มีแต่เจ้าของเอาหมาไปทิ้งปล่อยวัด พร้อมเล่านิทานก่อนนอนให้กลุ่มบ้านใหญ่หลับฝันดีก่อนนอน เรื่อง “ขุนศึกคู่กาย กับแม่ทัพอัลไซเมอร์”
โดยเนื้อหาหลักระบุว่า มีแม่ทัพกับขุนศึกฝีมือดี บอกว่า ถ้าชนะศึกจะปูนบำเหน็จให้ กระทั่งผลออกมา ขุนศึกรบชนะทั้ง 3 หัวเมือง ส่วนแม่ทัพแพ้ราบคาบ ปรากฏว่าแม่ทัพดันเป็นอัลไซเมอร์ สิ่งที่รับปากไว้ลืมหมด ขุนศึกกลับบ้าน ไร่นา ครอบครัวเสียหาย แม่ทัพกลับไม่มีแม้แต่การเหลียวแล
แต่ วันหนึ่ง เจ้าเมือง มาเจอขุนศึกเห็นว่าเป็นนักรบมีฝีมือ มีความซื่อสัตย์ สู้รบด้วยการไม่คิดถึงชีวิตตัวเองและครอบครัว จึงปูนบำเหน็จให้เป็น เสนาบดี เหตุนี้เอง ขุนศึกจึงทำงานตอบแทนเจ้าเมืองด้วยความซื่อสัตย์ ถวายหัว ผลงานเป็นที่ประจักษ์
ผมขอถามทุกท่านกลับไปว่า เป็นขุนศึกจะถวายหัวให้ เจ้าเมืองที่เห็นคุณค่าในตัวขุนศึก หรือ แม่ทัพอัลไซเมอร์ ที่ไม่เห็นคุณค่า และที่สำคัญ ขุนศึกผู้นี้ปลูกข้าวกินเองมาตลอด ไม่ได้กินข้าวของแม่ทัพ เหมือนขุนศึกคนอื่น
นิทานเรื่องนี้ดูเหมือนจะถูกวางไว้บนโต๊ะและไม่ใคร่จะมาหยิบอ่าน หลังนายกเทศมนตรีเมืองพัทยา กลุ่มบ้านใหญ่คุณปลื้มได้ ขุนศึก “เบียร์” ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ จากกลุ่มเรารักพัทยา มารักษาเมือง กู้หน้าแม่ทัพเอาไว้ได้ แต่ไม่กระไร พอคราวจะมีสงครามเลือกตั้ง 66 อีกรอบ นิทานกลับถูกหยิบขึ้นมาอ่านและเล่าผ่านเสียงตามสายอีกรอบ เมื่อ แม่ทัพสนธยา โพสต์ข้อความ พร้อมติด #คิดดังดัง เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 65 ก่อนวันเกิดเจ้าตัว ความว่า “คนบางคน พูดโกหก โดยคิดว่าคนที่รู้ มีน้อย โกหกก็คือก็โกหก อย่าคิดว่าพูดบ่อยๆ จะเป็นเรื่องจริงได้ อย่าสนุกปากจนมากเกินไป” กระแสดูจะเงียบๆ ไป
แต่เหมือนขุนศึกสุชาติ นักรบชาติดีมีวาสนา จะเพิ่งเห็น หรืออย่างไรไม่ทราบ หลังอีกฝั่งทั้งโพสต์ ทั้งออกรายการ เล่าเรื่องราวของขุนศึกที่ได้ทอดทิ้งตัว เลยโต้กลับไปเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 66 ใจความหลักคือ อย่าได้เสวนา กับคนที่ให้ข้อมูลบิดเบือน ทำร้ายเราพร้อมติด #แม่ทัพอัลไซเมอร์
หมัดครั้งนี้ชกกันทุกครั้ง และไม่มีท่าทีจะจบ ทั้งสองสู้กันในนามเพื่อไทย และรวมไทยสร้างชาติ ขั้วตรงข้ามโดยสิ้นเชิง และดูเหมือนศึกครั้งนี้ คงไม่จบแค่สงครามบนโลกออนไลน์ แต่คงจะไปจบและวัดกันจริงเมื่อสงครามในสนามเลือกตั้ง 66 มาถึง ดังนี้ ธูสิดีดีส ระบุในงาน The History of the Peloponnesian War ของ Thucydides ว่า
“ไม่มีผู้ใดถูกผลักดันเข้าสู่สงครามโดยไม่รู้ถึงผลลัพธ์ที่ตามมา และไม่มีผู้ใดจะถูกยับยั้งป้องปรามได้ด้วยความหวาดกลัว หากเขาเชื่อเสียแล้วว่าจะได้มากกว่าเสีย สงครามปะทุขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งพิจารณาแล้วว่าผลได้ที่คาดว่าจะได้รับมากกว่าความเสี่ยง