“มึงก็ขุนพลแก้วกูทั้งคู่”: ส่องวิรัช ธรรมนัส ของชายชื่อ ประวิตร


“มึงก็ขุนพลแก้วกูทั้งคู่” คำให้สัมภาษณ์ของ วิรัช รัตนเศรษฐ อดีตประธานวิปรัฐบาลในพื้นที่ข่าวของ Voice tv ในชื่อเรื่อง “ผมไม่ใช่พวกมโนแลนด์สไลด์” เหลี่ยมจัดฉบับ ‘วิรัช รัตนเศรษฐ’ ที่ได้หยิบยกวิถีการเมืองและทัศนะของ ‘วิรัช รัตนเศรษฐ’

คนบ้านใหญ่โคราช ชายผู้ประกาศขอเคียงบ่าเคียงไหล่สนับสนุน ‘พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ถือเป็นคำพูดการยืนยันอย่างชัดเจนจากปากของวิรัช ซ้ำอีกครั้งหลังจากที่ขุนพลโคราช บ้านใหญ่รัตนเศรษฐผู้นี้ตกเป็นข่าวคราวขัดแย้งกับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ต่อปัญหาความขัดแย้งกันภายในพรรค

ก่อนที่บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะเข้ามาหย่าศึก เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.แล้วให้ทั้งสองมาจับมือเคลียร์ใจกัน พร้อมไม่กล่าวถึงรายละเอียดความขัดแย้งครั้งนั้นว่าเป็นอย่างไร แต่บอกเพียงแค่ว่า “ทุกอย่างจบแล้ว”

หลังจากนั้นวิรัช และธรรมนัสก็ทำงานการเมืองให้ พล.อ.ประวิตรมาโดยตลอด วิรัชทำงานในสภาฯ ขณะที่ธรรมนัสทำงานในฐานะรมต. มือไม้ในการดีลทางการเมืองให้กับพล.อ.ประวิตรเพื่อจะประคองเสถียรภาพของรัฐบาล

ขณะที่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป วิรัช ถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จากคดีทุจริตสนามฟุตซอลโคราช และธรรมนัส ถูกปลดจากตำแหน่งจากคำครหาว่า เป็นกบฏล้มนายกรัฐมนตรี เส้นทางของสองขุนพลดูเหมือนจะจบลงแต่เพียงนี้ 

แต่กระนั้นพล.อ.ประวิตรก็ไม่ทอดทิ้ง ยังคงดูแลบาดแผลของ 2 ขุนพลอยู่เนืองๆ แม้จะมีพ่อแง่แม่งอน ออกจากพรรคไปบ้างจากปัญหาในพลังประชารัฐท้ายที่สุด วันนี้ผู้กองธรรมนัสก็กลับมาสู่พรรคพลังประชารัฐอีกรอบแล้ว พร้อมภารกิจใหม่ที่ 2 ขุนพลต้องทำคือ ดันพล.อ.ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 วิรัช รัตนเศรษฐนั้นมีฐานอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา และเป็น “บ้านใหญ่รัตนเศรษฐ” กินส่วนแบ่งพื้นที่ทางตลาดการเมืองในจังหวัดโคราช (นครราชสีมา) แห่งนี้ ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มีฐานอยู่ที่จังหวัดพะเยา มีขุมข่ายทางการเมืองอยู่ที่จังหวัดพะเยาและพื้นที่โดยรอบในภาคเหนือ ทั้งนี้รวมไปจนถึงพลพรรคพลพวกเดิมของพรรคเศรษฐกิจไทย

ทั้งสองมีราคาทางการเมืองทั้งคู่ แต่ก็มีแผลให้เย็บอยู่มากมายเช่นเดียวกัน

สำหรับประวัติโดยย่อของ วิรัช รัตนเศรษฐ นั้นเกิดเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2501 สมรสกับนางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.หนึ่งเดียวของจังหวัดนครราชสีมา ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2548 ที่ไม่ได้สังกัดพรรคไทยรักไทย

และมีบุตรด้วยกัน 3 คน คือ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในปัจจุบัน นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ นายตติรัฐ รัตนเศรษฐ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

โดยเขาเคยดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหารอย่างรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย สมัยที่ 2

โดยในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ ได้ส่งเหล่าลูกๆ ตระกูลรัตนเศรษฐ อย่าง อธิรัฐ รัตนเศรษฐ ลงสมัครเป็นผู้แทนราษฎรเขต 7 นายตติรัฐ รัตนเศรษฐ ลงสมัครเป็นผู้แทนราษฎร เขต 8 ดร.อรัชมน รัตนเศรษฐ ลงสมัครเป็นผู้แทนราษฎร เขต 9  ซึ่งเป็นภรรยาของอธิรัฐ

ขณะที่ประวัติโดยย่อของธรรมนัส ใช่ว่าจะเพิ่งปรากฏในหน้าสื่อเพียงครั้งแรกในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาแต่ เขาโลดแล่นอยู่บนพื้นที่สื่อและเปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง

จากเดิมที่ชื่อว่า มนัส ก่อนเปลี่ยนเป็น ยุทธภูมิ แล้วเปลี่ยนกลับเป็น มนัส, พชร และธรรมนัส และเคยเปลี่ยนนามสกุลจาก โบกพรหม เป็น พรหมเผ่า

หลังจากออกจากราชการ ร.อ.ธรรมนัส ผันตัวมาทำธุรกิจด้านรักษาความปลอดภัย ร่วมกับ เสธ.ไอซ์ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต ก่อนที่จะเข้ามาช่วยดูแลงานการเมืองในพื้นที่กทม. ในยุคไทยรักไทย เรียกได้ว่าเป็น “หมากสำคัญในทางการเมือง”

ในขณะนั้น และเรื่อยมาจนถึงยุคเพื่อไทยในปี 2557 สุดท้ายในปี 2562 เข้ามาร่วมงานกับพปชร.ให้มาร่วมงาน ตำแหน่ง ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ และลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จังหวัดพะเยา จนได้รับความไว้วางใจให้เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เจ้าของวลี “มันคือแป้ง”

ครั้งนี้เขากลับมาพร้อมลูกทีมเศรษฐกิจไทย ที่อ้างว่าโดนพรรคเดิมขับออกมา แล้วมาสมัครพปชร.อีกครั้ง และบิ๊กป้อมได้วางให้ธรรมนัส รับผิดชอบดูแลภาคเหนือเช่นเคย

บาดแผลของขุนพลแก้วของพล.อ.ประวิตรมีอยู่มาก แต่ก็เป็นขุนพลที่พร้อมสู้ให้กับพล.อ.ประวิตรในการเลือกตั้งครั้งหน้า ด้วยคาถา “ใจบันดาลแรง” ที่ทำให้ทุเลาอาการเจ็บลงไปได้บ้าง แต่กระนั้น ภายใต้การทำงานของทั้งสองในการเลือกตั้งปี 66 ถือเป็นที่น่าจับตามองว่าจะงัดข้อกับน้องรัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้หรือไม่