หลังจากเกิดเหตุอดีตเจ้าหน้าที่หญิงในกองกำลังป้องกันตัวเองของญี่ปุ่น ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะว่า ภายในกองกำลัง มีการล่วงละเมิดทางเพศกันเป็นเรื่องปกติ ล่าสุด นายกรัฐมนตรี คิชิดะ ฟูมิโอ ได้ออกมาแถลงให้กองกำลังป้องกันตนเองจัดการและป้องปรามเรื่องนี้ให้ได้
ตามรายงานของสำนักข่าวเกียวโด คิชิดะระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นสั่นคลอนรากฐานของกองกำลังป้องกันตนเองเป็นอย่างมาก เพราะกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นเป็นองค์กรที่มีผู้คนเป็นศูนย์กลาง
“ผมอยากให้กองกำลังของเรายึดหลักการนี้ให้ได้มากที่สุด” คิชิดะกล่าวระหว่างการให้สุนทรพจน์ในพิธีจบการศึกษาของสถาบันป้องกันประเทศ
ท่าทีของคิชิดะมาจากการที่ โกโนอิ รินะ วัย23ปี อดีตเจ้าหน้าที่ในกองกำลังป้องกันตนเองออกมาเผยต่อสื่อและสาธารณะว่า ระหว่างที่อยู่ในหน่วยงาน ตั้งแต่ปี 2020 ก็ถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเพื่อนร่วมงานหลายต่อหลายครั้งจนเป็นกิจวัตร
โกโนอิเปิดเผยว่า บรรดาเจ้าหน้าที่เพศชายมักจะพูดถึงเรื่องขนาดหน้าอกของเธออย่างเปิดเผยเป็นเรื่องปกติ บ้างก็ชอบมากอดเธอจากข้างหลัง หรือที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นคือมักชอบเอาเป้ากางเกงมาแนบชิดกับตัวเธอ โกโนอิยังเคยถูกจับหน้าอกพร้อม ๆ กับถูกบังคับให้ลูบเป้าของเจ้าหน้าที่ชายผู้หนึ่งไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย
เธอลาออกจากกองกำลังป้องกันตนเองในปี 2022 หลังจากกองกำลังป้องกันตนเองปฎิเสธรายงานของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ และไม่ดำเนินการใด ๆ ต่อข้อรายงานของเธอ พร้อม ๆ กับเกิดการล่วงละเมิดที่มากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากเรื่องราวของโกโนอิเผยแพร่ออกไปทั่วประเทศก็ได้สร้างความตื่นตัวทั่วญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่ห้ารายที่ล่วงละเมิดเธอถูกไล่ออกโดยทันทีพร้อม ๆ กับถูกตัดสิทธิหลังปลดประจำการ เจ้าหน้าที่อีกสี่รายที่เผิดเฉยต่อรายงานของเธอถูกสั่งพักงาน
ในช่วงปีที่ผ่านมา มีผู้คนทั้งชายและหญิงกว่า 1,400 ราย ออกมาร้องเรียนว่าพวกเขาถูกล่วงละเมิดทางเพศในกองกำลังป้องกันตนเอง พร้อม ๆ กับการถูกรังแกต่าง ๆ นานา ซึ่งในขณะนี้ได้มีการสอบสวนขนานใหญ่เกิดขึ้นแล้ว
รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ฮามาดะ ยาสึคุสะ กล่าวในพิธีจบการศึกษาของสถาบันป้องกันประเทศว่า กองกำลังป้องกันตนเองต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ทุกคนอยู่ร่วมกันได้ ไม่คุกคามซึ่งกันและกัน ไปจนถึงไม่ว่าเพศอะไรก็มีบทบาทสำคัญต่อกองกำลังทั้งนั้น ไม่มีการแบ่งแยก
ความพยายามลดการแบ่งแยกทางเพศในกองกำลังป้องกันตนเอง ถือว่าเป็นนโยบายที่ฝ่ายความมั่นคงของญี่ปุ่นพยายามดำเนินมาหลายปีแล้ว เนื่องจากตามแผนนโยบาย ในอนาคต การเพิ่มบทบาทของเพศหญิงจะช่วยให้ทรัพยากรบุคคลในงานด้านความมั่นคงและป้องกันประเทศเพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงของภัยในอนาคต พร้อม ๆ กับเป็นการสร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นอีกด้วย
ที่มา