“ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ” โซ่ข้อกลางในพรรคสีฟ้า รับภารกิจท้าทายเชื่อมทุกขั้ว-เรียกศรัทธากลับสู่พรรค

9 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ เป็นอีกครั้งที่จะชี้ความเป็นไปของพรรคประชาธิปัตย์บนกระดานการเมือง ประเทศไทย เพราะหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ จะเป็นผู้กำหนดยุทธศาสตร์ของพรรคในการเดิมเกมการเมืองต่อจากนี้

เฉพาะหน้าคือโจทย์การจัดตั้งรัฐบาล ตั้งแต่จะยกมือโหวตให้พิธาโดยไม่ร่วมรัฐบาลหรือไม่ ? และจะจับมือกับขั้วพรรคร่วมรัฐบาลเดิมหรือไม่ ?

ระยะไกลคือโจทย์เรื่องความเป็นไปของพรรค ตั้งแต่ยุทธศาสตร์พรรค การรีแบรนด์พรรค ความสัมพันธ์ระหว่างขั้วต่างๆ ในพรรค และการเรียกศรัทธากลับสู่พรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาเป็นพรรคการเมืองใหญ่ในสภาฯ อีกครั้งหนึ่ง

ทั้งสองโจทย์เรียกร้องความท้าทายและเรียกร้องศักยภาพจากผู้นำคนใหม่

ใจกลางของปมปัญหาในพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ คือ “ผู้นำ-คนตรงกลาง” ที่จะเชื่อมทุกขั้วเข้าด้วยกัน

ทั้งขั้วของ “ชวน หลีกภัย-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” 2 อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังคงมากบารมี ภาพลักษณ์ดี ทว่าแพ้เกมเก้าอี้ในสภาฯ มีเสียง ส.ส. ให้การสนับสนุนอยู่ที่ 7-9 เสียง เท่านั้น

และขั้วของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รักษาการเลขาธิการพรรค และ “นายกชาย-เดชอิศม์ ขาวทอง” ศูนย์รวมใจของ ส.ส.ใต้เวลานี้

ทั้งสองคนมีวัฒนธรรม-มีวิธีทำงานการเมืองที่เหมือนกัน นั่นคือใจถึงพึ่งได้ จนเป็นผลให้ชนะเลือกตั้งในพื้นที่ยุทธศาสตร์ ทำให้มีเสียง ส.ส. ให้การสนับสนุนอยู่ที่ 16-18 เสียง กล่าวได้ว่าเป็นกลุ่มก้อนทางการเมืองที่เสียงดัง และจะกำหนดทิศทางของพรรคต่อจากนี้

ในขั้วแรก มีเป้าหมายต้องการนำ “อภิสิทธิ์” กลับมานำพรรคอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญในระดับที่โปรโมตกันว่า มีแต่อดีตนายกมาร์คเท่านั้นที่ทำได้

ทว่าเป็นที่รู้กันทั่วว่า ความเห็นจากขั้วหลังที่เสียงดังเวลานี้ ปฏิเสธการขึ้นมานำของ 2 อดีตนายกฯ เพราะทั้งสองขั้วมีวิธีทำงานการเมืองที่ไม่เหมือนกัน และความต่างนี้เองที่จะกระทบดีลการเมืองต่างๆ

เมื่อชื่อที่ถูกเสนอในที่สาธารณะทยอยถูกกากบาททิ้งไป ตั้งแต่ “อภิสิทธิ์” ที่อีกขั้วส่ายหน้า “เอ้ สุชัชวีร์-มาดามเดียร์” ที่คุณสมบัติวาระการเป็นสมาชิกพรรคยังไม่ผ่าน “ตั๊น-จิตภัสร์” ที่บารมียังไม่ถึงขนาดขึ้นมานำพรรค กระทั่ง “นายกชาย” เองที่ภาพลักษณ์ไปได้ไกลที่สุดในตำแหน่งเลขาพรรคเท่านั้น

ถึงนาทีนี้ หลายวงสนทนาของพรรคสีฟ้า จึงโยนชื่อ “บิล-ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ” ขึ้นมารับบทนำในพรรค โดยเฉพาะภารกิจเป็นโซ่ข้อกลาง เชื่อมทุกขั้วในพรรคที่แตกแยกกันอยู่เวลานี้

4 ปีที่ผ่านมา “อิสระ” เป็นเด็กปั้นนายหัวชวน เหมือนที่ครั้งหนึ่ง ชวนเคยปั้นอภิสิทธิ์ “อิสระ” รับตำแหน่ง “ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา” พ่วงตำแหน่ง “เลขานุการประธานรัฐสภา” เดินตาม “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา มาทุกฝีก้าว ขณะเดียวกัน “อิสระ” ยังมีสัมพันธ์ที่ดีกับ “เดชอิศม์” และเป็นหนึ่งในผู้ที่ประกาศสนับสนุน “เดชอิศม์” ขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรค โควตาภาคใต้

ชื่อของ “อิสระ” ถูกโยนขึ้นมาในยามนี้ ด้วยความเชื่อว่าจะเป็นตัวเชื่อมชั้นดี ระหว่าง 2 ขั้วใหญ่ในพรรคได้

“อิสระ” ยังมาพร้อมกับองค์ประกอบด้านการศึกษา-ธุรกิจ ซึ่งเป็นองค์ประกอบไม่แพ้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต

“อิสระ” มีประวัติการศึกษาในระดับเกรดเอ แบบที่คนเป็นหัวหน้าพรรคสีฟ้า มักต้องมีเป็นองค์ประกอบ ตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมปลาย เขามีทั้ง กรุงเทพคริสเตียนคอนเนคชั่น สวนกุหลาบคอนเนคชั่น และเตรียมอุดมศึกษาคอนเนคชั่นเป็นองค์ประกอบ

พร้อมทั้งคว้าปริญญาตรี (เกียรตินิยม) สาขาวิศวกรรมเคมี จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ปริญญาโท สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาเอก ด้านวิศวกรรมศาสตร์ จาก Imperial College London (ทุน Marie Courie Fellowship ของสหภาพยุโรป)

“อิสระ” ยังรับตำแหน่งประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจทันสมัยของพรรค เป็นหนึ่งในมือเศรษฐกิจของพรรค ทั้งยังมีประสบการณ์ในด้านธุรกิจ เคยรับช่วงบริหารธุรกิจของครอบครัว ซึ่งเกี่ยวกับการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ต่อมาได้ขยายกิจการและการลงทุนไปยังภาคพื้นยุโรป และตัดสินใจย้ายฐานการผลิตจากประเทศอิตาลีและประเทศโรมาเนียมายังประเทศไทย

แม้หลังโยนชื่อออกมา ผู้นำพรรคหลายคนยังไม่พยักหน้ารับในทันที โดยอ้างเรื่อง วัยวุฒิ-ประสบการณ์-ความเชื่อทางการเมือง ทว่าชื่อของ “อิสระ” ไม่ถูกกากบาททิ้งในทันทีเหมือนชื่ออื่น นั่นเพราะมีคุณสมบัติโซ่ข้อกลางของจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในพรรคประชาธิปัตย์วันนี