ปชป. ในวันที่สิ้นกลิ่น “ชวน” ขลัง

ผู้ป่วยทางการเมืองไทยในเวลานี้ คงหนีไม่พ้นค่ายสีฟ้า พรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่กำลังเฟ้นหาคนพายเรือลำใหม่ จากเดิมที่เคยเป็นเรือยนต์ลำใหญ่ ค่อยๆ ผ่องถ่ายเล็กลงจนกลายเป็นเรือแจว

เปรียบเทียบเช่นว่านี้คงไม่ผิด เพราะวันนี้ใครหลายๆ คน มองจุดยืนประชาธิปัตย์ไม่ออก จะซ้ายหรือจะขวา จะมีหลักการหรือไม่มีหลักการ เฉไปเฉมาไม่นิ่งคล้ายเรือแจว

และจากฝีไม้ลายมือของจุรินทร์ คนแจวเรือล่าสุดที่ต้องลาออกไป คงจะเห็นได้ว่า พาเรือแจวลำน้อยนี้ออกนอกทะเลมองไม่เห็นฝั่งฝัน จึงจำเป็นต้องลาออกรับผิดชอบเพื่อหาคนพากลับฝั่งเสียที

25 ที่นั่ง จาก 22 ส.ส. เขต และ 3 ส.ส. บัญชีรายชื่อคงจะยืนยันได้แล้วว่า ประชาธิปัตย์ยุคนี้ได้มาเพราะตัวเอง และพวกกันล้วนๆ ไม่มีมนต์ใดมาร่ายกล่อมคนให้เลือกปชป. เหมือนเช่นเคยเกิดขึ้นเมื่อสมัยที่ชวน ฟีเวอร์

เล่ากันว่ายุคนั้นเขตไหนทำท่าจะแพ้ ส่งนายหัวชวน ออกไป ปราศรัยจบ 1 กระบวนท่า ได้คะแนนมาเป็นกอบเป็นกำ เหตุการณ์เช่นนี้บังเกิดขึ้นมิใช่ครั้งเดียวแต่เป็นหลายต่อหลายครั้งพอกพูนกลายเป็นบารมีชวน หลีกภัย ในภาคใต้พื้นที่หลักของพรรค

กระนั้นจะกล่าวได้ว่า ความเป็นไปของพรรคเท่ากับความเกรงใจก็คงไม่ผิดนัก และหากใครไม่เกรงใจก็ไม่ต้องมาเคารพมาไหว้กัน

ความเป็นไปเช่นนี้เสมือนหนึ่งต้องมนต์สะกดให้พรรคต้องเลือกสิ่งที่ดีตามภาพเขียนอยู่เสมอ แต่ผิดกันคราวนี้มนต์หมดลง อย่างเห็นได้ชัด ความนิยมถดถอย ไม่สามารถใช้ได้ตามเคย ทำให้การ ”วาดภาพ” สิ่งที่ดีให้งดงามเหมือนเก่าเป็นไปได้ยาก เพราะมาถึงตอนนี้ทุกคนเริ่มแยกออกแล้วว่า สิ่งที่ดี กับสิ่งที่มี มันคนละเรื่อง!!!

เพราะในโจทย์เดียวกันของการหาหัวหน้าพรรค สิ่งที่ดีตอนนี้คือชื่อของ “อภิสิทธิ์” สำหรับบางกลุ่มคน แต่สิ่งที่มีตอนนี้ของอีกกลุ่มคนคือ เสียง ส.ส. ที่ได้เป็นกอบเป็นกำโดยไม่มีมนต์ใดมาสะกด และแว่วว่าชื่อชั้นของ “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ มาแรงในกลุ่มนี้ ขณะที่ชื่อของ “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง ปรากฏเป็นเลขาฯ พรรค คุมบังเหียนความเป็นไปแทนเสี่ยต่อ เฉลิมชัย ศรีอ่อน ซึ่งทั้งสองถือเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันมาตั้งแต่ปี 62

เมื่อเหตุเป็นเช่นนี้ต่อให้จะวาดภาพงดงามเพียงไร ถ้าคนมันไม่มีอารมณ์ศิลป์ กินไวน์ มองภาพฝันที่ไม่รู้อีกนานเมื่อไหร่จะมาถึง บางกลุ่มจึงเลือกที่จะเอาคนของตัวเองมาพายเรือไปตามสิ่งที่ตนต้องการให้เร็วที่สุด เพราะถ้ามัวแต่อุดมคติ มันก็อดอยากปากแห้ง ใช่ไหมล่ะ!

แต่บอกไว้ก่อนว่าเรือแจวลำนี้ไม่ว่าจะหาคนพายเป็นใครกลุ่มไหน ก็เกินเยียวยา เพราะหัวหน้า “จุรินทร์” ดันพายไปวาดการ์ตูนไป จนออกฝั่งมาเกิน 12 ไมล์ทะเลแล้วกระมัง

เพราะต่อให้พายเท่าไหร่ ฝั่งฝันที่จะได้กลับมายิ่งใหญ่เปลี่ยนเรือแจวให้เป็นเรือ EV เรือยนต์ อย่างใครเขา ก็คงยาก บางคนจึงเลือกเอาน้ำบ่อหน้า หวังพึ่งเกาะเรือเพื่อนดีกว่าหาฝั่งเอง ทั้งยังขู่ว่า ถ้ามีใครปฏิเสธข้อเสนอของกลุ่มสิ่งที่มี คงต้องใช้ไม้แข็ง เอาเลือดเทียมมาราดกลบเลือดแท้ให้เห็นแบบจังๆ ซะที จะได้รู้ตัว

เมื่อปรากฏเหตุเช่นนี้ก็ชวนน่าเห็นใจ พรรคเก่าแก่ ไม่รู้จะมีการเปิดภาพไหน ฉากทัศน์ใดมาแก้เกมของพรรคในเวลานี้ที่ ซ้ายก็อ่าว ขวาก็มหาสมุทร มีแต่เคว้งกับเคว้ง น่าเห็นใจเสียจริง