ก่อนโหวตเลือก “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกันว่า หนึ่งในแขกที่ได้รับคำเชิญให้เดินทางไปฮ่องกงเพื่อร่วมภารกิจดีลลับข้ามขั้ว คือ “เดชอิศม์ ขาวทอง” แคนดิเดตเลขาพรรค ปชป. คนใหม่
“เดชอิศม์” เป็นคีย์แมน-ผู้มีบารมีของพรรคคนใหม่ควบคู่ไปกับ “เฉลิมชัย” รักษาการเลขาพรรคคนปัจจุบัน
ภายหลังกระแสข่าวขยายวง เจ้าตัวย้ำว่า เป็นเพียงแต่การพาภรรยาไปท่องเที่ยว-ไหว้พระเท่านั้น ไม่เกี่ยวเนื่องการเมือง-ไม่เกี่ยวเนื่องดีลข้ามขั้ว
ทว่าคนการเมืองรู้ดีว่า ดีลลับข้ามขั้วพัฒนาไปไกลมากแล้ว ในระดับที่ไม่ว่าบารมีของผู้ใหญ่คนไหนในพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่อาจหยุดยั้งดีลอำนาจทั้งหมดนี้ไปได้
ข่าวที่ถูกปล่อยออกมา เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ที่ประชุมใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ “ล่ม” ต่อเนื่องเป็นครั้งที่สอง “เฉลิมชัย” บอกว่า เขารู้ล่วงหน้าเมื่อวานว่าจุดจบของการประชุมจะเป็นแบบนี้
นักวิเคราะห์ชี้ว่า วงประชุมของพรรคล่มด้วยสองเหตุผล (1) ล่มเพราะหากปล่อยให้มีการโหวต หัวหน้าพรรค-เลขาพรรคคนใหม่ จะไม่ใช่คนของ “ชวน หลีกภัย” ซึ่งทำให้ยากต่อการส่งอิทธิพลเข้าครอบงำ (2) ล่มเพื่อป้องกันดีลข้ามขั้วทางการเมือง
“เฉลิมชัย” รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่เก็บอารมณ์มาตลอด แม้จะถูกเอ่ยถึงในทางการเมืองอยู่บ่อยครั้ง เดือดถึงขนาดต้องแถลงความในใจ
“เฉลิมชัย” บอกว่า องค์ประชุมล่มไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ แต่เป็นพฤติกรรมของคน มีทั้งมา แต่ให้ออกนอกห้องประชุม-มีทั้งมา แต่ไม่ให้ลงชื่อเข้าประชุม-ให้ไปท่องเที่ยวประเทศ เขาย้ำว่า “เป็นพฤติกรรมเลวทราม”
“เฉลิมชัย” สื่อสารตรงๆ ว่า เชื่อว่ากลุ่มคนดังกล่าวรู้ตัวว่า ตนกำลังพูดถึงใคร และฝากให้รู้ตัวด้วยว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ เขาเรียกร้องจิตสำนึกของคนกลุ่มนี้กลับคืนสู่พรรค เพื่อให้พรรคเดินหน้าไปได้
“พรรคมีระเบียบ มีข้อบังคับ ไม่สามารถทำอะไรโดยลำพัง ทำอะไรโดยมีความคิดส่วนตัวได้ ประชาธิปัตย์มีกฎข้อบังคับ แต่ทุกวันนี้หลายคนฉีกกฎข้อบังคับเอง ซึ่งจะทำให้ประชาธิปัตย์เสื่อมถอย”
ก่อนถอยฉากออกจากโรงแรม “เฉลิมชัย” ประกาศแบบให้มันรู้กันไปว่า ณ วันนี้ เขามี สส. ในสังกัดที่เห็นด้วยกับแนวทางที่จะต้องนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่พรรค “ไม่ต่ำกว่า 21 คน”
ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ได้เก้าอี้ทั้งหมด 25 ที่นั่ง แบ่งเป็น บัญชีรายชื่อ 3 และเขตเลือกตั้ง 22 ที่นั่ง
ดังนั้น ตัวเลข 21 ต่อ 4 ที่นั่ง จึงเป็นตัวเลขที่จะกำหนดทิศทางต่อไปของพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงโฉมหน้ารัฐบาลใหม่
(1) วางตัว “นราพัฒน์ แก้วทอง” เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ (2) วางตัว “เดชอิศม์ ขาวทอง” เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ (3) แถมดีลข้ามขั้วเป็นเดิมพันที่ต้องทำให้สำเร็จ เพื่อได้อำนาจรัฐ มาบริหารจัดการพรรคให้เป็นพรรคหลัก พรรคใหญ่ของประเทศต่อไป
วันนี้ “เฉลิมชัย” ทิ้งท้ายให้อีกฝั่ง ซึ่งมี “ชวน หลีกภัย” เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณอยู่ว่า “รักษาการ-คณะกรรมการบริหารพรรค” มีอำนาจเต็มทุกประการในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ
เป็นคำเตือนว่า ถึงจะยื้อการเลือกหัวหน้าพรรค-เลขาพรรคคนใหม่ออกไปอย่างไร แต่เมื่อต้องตัดสินใจเรื่อง “ดีลข้ามขั้ว” พวกเขามีสิทธิเต็มที่ในการตัดสินใจ!!