พรรคเพื่อไทย ประกาศจับมือพรรคภูมิใจไทย จัดตั้งรัฐบาลด้วยตัวเลขตั้งต้น 212 เสียง
ในช่วงแถลงมีคำเกิดขึ้นใหม่หลายคำ ตั้งแต่ “วาระของประเทศและประชาชน” “นำความปรองดองสมานฉันท์กลับคืนสู่ประเทศ” “การเมืองสร้างสรรค์”
ทั้งเชิญชวนให้ สส.-สว. มีส่วนร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อผ่าทางตันระบบการเมืองของประเทศ และฝ่าวิกฤตรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหาอยู่ในปัจจุบัน
มีนัยยะอยู่ที่การเชิญชวนให้โหวต โดยไม่ร่วมรัฐบาล ซึ่งขัดกับข้อเท็จจริงทางการเมือง
“ภูมิธรรม เวชยชัย” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกตลอดว่าโจทย์การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ยาก พรรคเพื่อไทยมีต้นทุนต้องจ่ายสูงมาก แต่มีหลักในการตัดสินใจ-หลักในการรวมเสียงข้างมาก-หลักในการสื่อสารกับประชาชน ดังนี้
- พรรคเพื่อไทยมีมุมมองในเชิงการปฏิบัติจริง ในสถานการณ์ที่มีเงื่อนไขและข้อจำกัดจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่เห็นด้วยที่จะขอให้อยู่ไปเรื่อยๆ อีก 10 เดือน เพราะความเชื่อมั่นหายไป เศรษฐกิจยิ่งซับซ้อน
- ในสถานการณ์วิกฤติประเทศ ซึ่งทุกฝ่ายเห็นความขัดแย้งที่อยากสลายให้ก้าวข้ามไปสู่ความสงบสุข ดังนั้นจึงอยากเริ่มต้นสร้างศักราชมิติการเมืองแบบใหม่ โดยเอาวาระประเทศ และวาระประชาชนเป็นหลัก
. - รัฐธรรมนูญเป็นทางออกของการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน ดังนั้นจึงเสนอในวาระแรกให้ทำประชามติ และเราจะทำทุกเรื่องที่ดีต่อประชาชน เราจะทำให้หมด
- พรรคเพื่อไทยยืนหนึ่งอยู่กับการเมืองที่เป็นจริง บางเรื่องอาจมองต่างในการแก้ไขปัญหาของประเทศ แต่เรายอมรับสภาพความเป็นจริง ที่ไม่ใช่การยอมจำนน เพื่อเป็นการหาทางออก จากความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเพื่อให้สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่า
- พรรคเพื่อไทยคิดเป็นกระบวนทัศน์ใหม่ คิดนอกกรอบ และเราเคยทำในเรื่องที่เหลือเชื่อให้สำเร็จมาแล้ว และการตัดสินใจร่วมกันเป็นรัฐบาลของเรา จะต้องทำเพื่อได้รัฐบาลสมานฉันท์ทุกฝ่าย ภายใต้หลักวาระประเทศ วาระประชาชน เพื่อได้รัฐบาลมีเสถียรภาพ เกิดความเชื่อมั่น สำหรับแก้ปัญหาของประเทศไทยในอนาคต
พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย มีเสียงตั้งต้น อยู่ที่ 212 เสียง
เมื่อรวมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง และพรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง จะเท่ากับ 258 เสียง เป็นอันว่าได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของ สส. ทั้งสภา
และเมื่อนับเสียงจาก สว. สายประยุทธ์ อีกราว 125 ที่นั่งขึ้นไป ก็จะเท่ากับ 383 เสียง เป็นอันว่าได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมร่วม 2 สภาฯ ปิดจบการเลือกนายกฯ คนที่ 30 ที่กินเวลามาร่วมสองเดือน
ทว่าการเมืองไทย ไม่เคยเดินเป็นเส้นตรง อย่างใจนักยุทธศาสตร์ประจำพรรคเพื่อไทย!!