สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย สรุปการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 โดยช่วงท้าย ได้พูดถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โทษหนี้สาธารณะเพิ่ม เพราะต้องนำเงินไปจ่ายหนี้ของโครงการรับจำนำข้าว ว่า
“พอหมดที่ไปก็โทษจำนำข้าว บอกว่ายังใช้หนี้จำนำข้าวไม่หมดเลย ถามว่าท่านรู้จัก Public Policy นโยบายสาธารณะหรือไม่ ที่บางนโยบายไม่ได้หวังกำไรคืนมาเป็นเงิน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจความกินดีอยู่ดี แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือภาษีและความสุขประชาชน ซึ่งตอนที่คนนั้นเป็นนายกฯ สามารถเก็บภาษีได้เกินเป้า 5 หมื่นล้าน หนี้สาธารณะลดลงอย่างต่อเนื่อง”
สุทิน บอกว่า Public Policy หรือ นโยบายสาธารณะ คล้ายศาสตร์พระราชา “ขาดทุนคือกําไร” ที่อาจไม่ได้มุ่งไปที่เม็ดเงินกลับมา แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ ภาษี และที่สำคัญคือความสุขของประชาชน
“ถ้าประเมินเป็นตัวเงินขอถามว่าโครงการประกันรายได้ของรัฐบาล ตอนนี้ที่จ่ายส่วนต่างไปนั้น ได้คืนตอนไหน มีกำไรกลับมาตอนไหน และถามว่าไทยชนะ คนละครึ่ง บัตรคนจน ที่แจกกันทุกวันนั้นขาดทุนหรือไม่ ได้กำไรกลับมาตอนไหน”
สุทิน บอกว่า โครงการรับจำนำข้าว เขายังไม่ได้ทำจนจบโครงการ แต่คุณไปปฏิวัติเขาก่อน ปฏิวัติแล้วล็อกโรงสี ล็อคสต๊อก ข้าวดีขายเป็นข้าวเสีย มันก็ขาดทุนสิ อย่างไรก็ตาม ถ้าตามข่าวดีๆ ฝ่ายตรวจสอบบัญชีเขาบอกว่าไม่ขาดทุน
สุทิน บอกว่า อยากมีวาสนาเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่เหมือนกัน ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ ยิ่งดี เพราะจะได้โทษว่าต้องใช้หนี้เก่าที่ พล.อ.ประยุทธ์ สร้างมาถึง 120 ปี แต่มาคิดอีกที แม้ได้เป็นก็จะไม่พูด
“พ่อแม่ผมสอนนะ เวลาที่พ่อแม่ผมใช้ให้ทำงาน แล้วโยนความผิดให้พี่ผมบ้างให้น้องผมบ้าง ก็จะโดนไม้เรียวแม่ก่อนเลย ส่วนพ่อผมก็จะดึงไปกอดอกนั่งสังคายนา คนดีชอบแก้ไขคนจัญไรชอบแก้ตัว ลูกชอบโยนความผิดให้คนอื่น เขาเรียกว่าเป็นคนจัญไร ต่อให้ผมเป็นนายกผมก็ไม่โยนความผิดให้คนอื่น”