- ลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่นๆ ที่คล้ายกัน ประมาณ 1 บาท/ลิตร
- ตรึงไม่เกิน 30 บาท/ลิตร จนถึงหลังสงกรานต์
- เริ่ม 20 ม.ค. 67 จนถึง 19 เม.ย. 67
(16 มกราคม 2567) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่…) พ.ศ. … ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่นๆ ที่คล้ายกัน ประเภทอัตราตามปริมาณ (ลิตร) (ปรับลดประมาณ 1 บาท/ลิตร) เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2567 จนถึงหลังเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 19 เมษายน 2567
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กค. ได้ดำเนินการมาตรการภาษี โดยการออกกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต เพื่อปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่นๆ ที่คล้ายกัน ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. 65 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 66 (ประมาณ 1 ปี 8 เดือน มีการสูญเสียรายได้ประมาณ 172,000 ล้านบาท โดยในแต่ละครั้ง ปรับอัตราภาษีลดลงแตกต่างกัน) รวม 8 ฉบับ
มาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ ผ่านการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน และที่ผ่านมา รัฐบาล ด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงพลังงาน (พน.) และกระทรวงการคลัง ได้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและภาษีสรรพสามิตเป็นเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร โดยก่อนหน้านี้ กค. (กรมสรรพสามิต) ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 35) พ.ศ. 2566 (ปรับลดประมาณ 2.50 บาท/ลิตร) เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. 66 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 66 โดยเพื่อเป็นหนึ่งในกลไกช่วยตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร ในครั้งนี้ จึงเห็นควรดำเนินมาตรการทางภาษีต่อเนื่อง โดยการลดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่นๆ ที่คล้ายกัน ร่วมกับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตดังกล่าวประมาณ 1 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 67 ถึงวันที่ 19 เม.ย. 67
ทั้งนี้ กค. ได้จัดทำประมาณการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ โดยรายงานว่า การดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าวจะทำให้กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันลดลงประมาณ 2,000 ล้านบาท/เดือน (คาดการณ์จากสถิติปริมาณการเสียภาษีในปีงบฯ 66) โดยการดำเนินการตามมาตรการภาษีในครั้งนี้จะดำเนินการเป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน จึงคาดว่าจะสูญเสียรายได้ประมาณ 6,000 ล้านบาท แต่จะเป็นการช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกระทบค่าครองชีพของประชาชนและภาคธุรกิจ
“มาตรการครั้งนี้ เป็นการยืดระยะเวลาของมาตรการช่วยเหลือประชาชนด้านราคาพลังงานระยะสั้น อย่างไรก็ดี สำหรับมาตรการระยะยาวนั้น ทาง พน. ยังคงเดินหน้าอย่างเข้มข้นเพื่อที่จะ “รื้อ – ลด – ปลด – สร้าง” ด้วยการรื้อโครงสร้างราคาพลังงานของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้เป็นรูปธรรมภายในปี 2567 นี้อย่างแน่นอน” รองรัดเกล้าฯ กล่าว