การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการอย่างรวดเร็ว แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวปล่อยออกมาว่าอาจจะทอดเวลาไปในช่วงเดือน มิ.ย. แต่สุดท้ายแล้ว “นายใหญ่” ตัดสินใจเร่งปิดจ็อบไม่เกินเดือน เม.ย. ให้ทำคลอด “ครม.เศรษฐา 2” แล้วเสร็จ
ไทม์ไลน์แรกคาดว่า “นายกฯ นิด” เศรษฐา ทวีสิน จะจัดทำรายชื่อ ครม.ชุดใหม่ พร้อมส่งตรวจสอบประวัติให้เรียบร้อยทันทีที่เปิดทำการหลังหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ก่อนนำความขึ้นทูลเกล้าฯ แต่หากมีข้อผิดพลาดทางเทคนิคอาจทอดเวลาออกไปอีก 1-2 สัปดาห์ แต่จะไม่ให้เกินเดือน เม.ย.67
ว่ากันว่าการปรับ ครม.รอบนี้แทบไม่มีเวลาให้ “รัฐมนตรี” ที่เสี่ยงหลุดเก้าอี้ได้ออกวิ่งเพื่อต่อรอง แม้จะมีชื่อติดโผโดนปรับออกมานาน แต่ไม่คิดว่า “นายใหญ่” จะปิดเกมเร็วขนาดนี้
ตามกระแสข่าวว่า “นายใหญ่” เปิดบ้าน “จันทร์ส่องหล้า” เรียกเคลียร์ “รัฐมนตรี” ในโควตาพรรคเพื่อไทยเกือบทุกคน เพื่ออธิบายหลักการทำงาน “รัฐมนตรี” บางคนถูกเสนอให้เลื่อนชั้นนั่งเก้าอี้ “รัฐมนตรีว่าการ” แต่ “รัฐมนตรี” หลายคนได้รับ “ข่าวร้าย” ว่า ต้องหลุดจากเก้าอี้ในรอบนี้
บรรดารัฐมนตรีที่มีแนวโน้มต้องหลุดเก้าอี้ ประกอบด้วย “บิ๊กทิน” สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ที่ทำงานสอดประสานกับ “ท็อปบูต” ได้ดีพอสมควร ไม่ล้ำเส้นขับเคลื่อนนโยบาย “เลิกเกณฑ์ทหาร-ลดขนาดกองทัพ” ที่พรรคเพื่อไทยเคยชูธง แต่ติดเงื่อนไขที่เดิมเก้าอี้นี้ “นายกฯ นิด” ตั้งใจจะนั่งควบเอง
ดังนั้นเมื่อ “เศรษฐา” สละเก้าอี้ รมว.คลัง มานั่งบัญชาการด้านความมั่นคงด้วยตัวเอง “สุทิน” จึงจำเป็นต้องหลีกทางให้ เพราะในช่วงที่ผ่านมา “เศรษฐา” มักจะเรียก “ผบ.เหล่าทัพ” มาหารืองานความมั่นคง ข้ามหัว “สุทิน” อยู่หลายครั้ง
เดิมทีอาจจะมีเก้าอี้ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ให้นั่งปลอบใจ แต่ด้วยความที่ “นายใหญ่” ต้องหมุนเก้าอี้ดนตรีตอบแทน “บริวาร” ก็เลยส่ง “สุทิน” กลับมาทำงานที่สภาฯ ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ เท่านั้น
ซึ่งการที่ “สุทิน” ไม่ได้ลาออกจากตำแหน่ง สส.พร้อมกับรัฐมนตรีคนอื่น ทั้ง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน-ประเสริฐ จันทรรวงทอง ก็ถือเป็นสัญญาณว่าเก้าอี้รัฐมนตรีจะไม่จีรังตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
เช่นเดียวกับคู่หูอย่าง “หมอไหล่” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ที่จู่ๆ ก็มีข่าวว่าจะถูกปรับออก และเจ้าตัวก็ให้สัมภาษณ์ยอมรับชะตากรรมอยู่แล้ว
กรณี “หมอชลน่าน” นั้น ในแง่ปัญหาการทำงานอาจไม่ชัด ติดขัดบ้างกรณีกฎหมาย “ยาบ้า 5 เม็ด” ที่ทำให้รัฐบาลและพรรคโดนถล่ม แต่ก็เป็นไปตามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
มาผนวกกับเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า “รัฐมนโท” จากหลังบ้าน เดินแรงจนข่าวด้านลบรู้ถึงหู “นายใหญ่” และมีแรงเสี้ยมของ “นักวิ่ง” ที่จ้อง ”กระทรวงหมอ“ อยู่ ทำให้ “หมอชลน่าน” อาจต้องหลุดเก้าอี้ไปอีกคน
ตัวเก็งเต็งหนึ่ง “เจ๊แจ๋น” พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีชื่อจะถูกปรับออกตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มที่ตั้ง “ครม.เศรษฐา 1” แต่แรงหนุนจาก “นายหญิงแดนไกล” คอยช่วยปกป้อง ก็เลยถูไถมาได้ถึงตอนนี้
เรื่องผลงานไม่ปรากฏก็เรื่องหนึ่ง แต่สำคัญที่ปัญหาเรื่อง “สายบังคับบัญชา” ที่ทำให้ “นายกฯ เศรษฐา” ไม่ค่อยปลื้ม เมื่อ “พวงเพ็ชร” เดินเกมผิดรายงานเรื่องสำคัญให้ “อดีตนายกฯ หญิง” รับรู้ก่อนที่จะรายงาน “เบอร์หนึ่งคนปัจจุบัน”
นอกจากนี้ยังลือกันลับๆ ว่า “สตรีเบอร์หนึ่ง” ซึ่งเคยควงกันออกงานคู่สมรส ครม. ไม่ปลื้ม “พวงเพ็ชร” เช่นกัน โดยมีหลายปมที่ “ทีมคู่สมรส” เม้าท์กันตามฉบับผู้หญิง
“พวงเพ็ชร” จึงตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก แถมผลงานในช่วงเลือกตั้งยังตกต่ำ “เพื่อไทย” ได้ สส. กทม. มาเพียงแค่คนเดียว เมื่อต่างตอบแทนกันแล้ว ถึงเวลาก็ต้องคืนเก้าอี้เสนาบดี
“เฮียเกรียง” เกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย เหมือนโชคไม่เข้าข้าง ที่ต้องมาอยู่เป็น “แกะดำ” ในกระทรวงมหาดไทย ที่พรรคภูมิใจไทยเป็นเจ้าของ ส่งผลให้เจ้าตัวไม่เฉิดฉาย ที่สำคัญหลัง “ทีมบุรีรัมย์” ส่งเด็กในคาถามานั่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมใหญ่กรมเดียวที่ “เกรียง” ดูแล ก็ทำให้ออกอาการเสียทรง ไม่มีผลงานมาอวด “นายใหญ่”
เช่นเดียวกับ “พ่อใหญ่หนองบัวฯ” ไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ อยู่ภายใต้ร่มเงาของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมว.เกษตรและสหกรณ์ แม้จะแบ่งกรม-กองให้ดูแล แต่โดนรวบอำนาจแต่งตั้งโยกย้าย “บิ๊กเกษตรฯ” ส่งผลให้ “ไชยา” ไม่สามารถสั่งการข้าราชการได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ทั้ง “เกรียง-ไชยา” เจอปัญหาเดียวกัน โดยทั้งคู่พึ่งพาบารมีของ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เดินเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อขอ “นายใหญ่” ต่ออายุเก้าอี้รัฐมนตรี แต่ดูจากสถานการณ์แล้วโอกาสที่ “เกรียง-ไชยา” จะได้ไปต่อมีน้อยมาก
ขณะเดียวกันมีสองเก้าอี้ที่อาจจะต้องสลับกระทรวงกัน โดย “มาดามปุ๋ง“ สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา สลับไปนั่ง รมว.วัฒนธรรม โยก “พ่อเสริม” เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม มานั่ง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา
เนื่องจากบทบาทของ “สุดาวรรณ” บนเก้าอี้เบอร์หนึ่งท่องเที่ยวและกีฬามีค่อนข้างน้อย ที่สำคัญไม่ทันเหลี่ยม “บิ๊กข้าราชการบางคน” ว่ากันว่าบางหน่วยงานเบิกจ่ายงบประมาณหลักพันล้านบาท โดยที่ตัวของ “สุดาวรรณ” ไม่รู้เรื่องรู้ราว จน “บิ๊กเพื่อไทย” ต้องออกแรงเตือน
ด้าน “เสริมศักดิ์” ผลงานไม่ได้โดดเด่น เพราะ “บิ๊กวัฒนธรรม” จัดอยู่ในสายแข็ง “ทีมเสริมศักดิ์” จึงขยับตัวลำบาก แต่พอยังมีลูกเก๋าทางการเมือง หากโยกมาคุมกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อสอดประสานกับงานซอฟต์พาวเวอร์ของ “หัวหน้าอิ๊ง” อาจจะคล่องตัวกว่า
ด้าน “ว่าที่รัฐมนตรี” มีชื่อของ “พิชัย ชุณหวชิร” มานั่งเก้าอี้ รมว.คลัง “พิชัย” ไม่ใช่คนอื่นคนไกลตระกูลชินวัตร คอยทำงานซัพพอร์ตอยู่เบื้องหลัง ตั้งแต่ยุคแปรรูป ปตท. เคยเป็นหนึ่งในพยานคดีจำนำข้าวให้กับ “ยิ่งลักษณ์” คอยชี้แจงต่อป.ป.ช. โดยได้รับแรงหนุนจาก “ยิ่งลักษณ์-เศรษฐา”
“ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์” สส. กทม. หนึ่งเดียว มีชื่อนั่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อตอบแทนความสำเร็จจากการเลือกตั้ง อย่างน้อย “เพื่อไทย” มีหนึ่งที่นั่งในเมืองหลวง
“พิชิต ชื่นบาน” ทนายตระกูลชินวัตร แม้รอบก่อนจะติดปมคุณสมบัติ แต่เที่ยวนี้ชื่อ “พิชิต” มาแรงไม่หลุดโผ มีโอกาสนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีค่อนข้างสูง เพื่อดูงานด้านกฎหมายให้รัฐบาล
ความเคลื่อนไหวของการปรับ ครม.ยังมีอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่ยังไม่โปรดเกล้า ครม.ชุดใหม่ บรรดารัฐมนตรียังต้องขยับรักษาเก้าอี้ บรรดา “ว่าที่รัฐมนตรี” ยังต้องเดินเครื่องให้มั่นใจว่าชื่อไม่หลุดโผ
ครม.เศรษฐา 2 ใต้เงา “จันทร์ส่องหล้า” ใกล้คลอดเต็มที แม้จะพยายามจัดวางคนให้เหมาะกับงาน แต่ชื่อของคนยังอยู่ข่าย “คนของใคร” ต่างตอบแทนกันภาค 2