“อนุรักษ์ฯ” ขุดบ่อล่อ “ทักษิณ” ลุยไฟนิรโทษฯ “มาตรา 112” แง้มประตู “สถานการณ์พิเศษ”
กาปฏิทิน 18 มิ.ย.67 หมายสำคัญ วัดใจ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกล้าพอไหมที่จะเดินทางเข้าพบ “อัยการ” เพื่อนำตัวส่งฟ้องศาลคดี “มาตรา 112” ภายหลัง “อัยการสูงสุด” มีคำสั่งฟ้อง แม้ “ทีมทนาย” จะพยายามหน่วงเวลาขอเลื่อนอ้าง “ทักษิณ” ติดโควิดก็ตาม
มีกระแสข่าวว่า “ทักษิณ” ต้องการตัดตอนคดีที่ถูกกล่าวหาว่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เปิดดีลทุกช่องทาง เพื่อไม่ให้ “อัยการสูงสุด” สั่งฟ้อง
แรกๆ มีสัญญาณเชิงบวก ทำให้สบายใจอยู่บ้าง แต่พอใกล้ถึงเวลา กลับจับสัญญาณเชิงลบเข้มข้นได้ ก็เลยยกเรื่อง “โควิด” ขึ้นมา หลังก่อนนั้น ไปรายงานตัวตามนัดแบบไม่บิดพลิ้ว
เชื่อว่ามีการเช็คสัญญาณอยู่ตลอด ตามข่าวว่า อัยการฯนัดหมายวันที่ 29 พ.ค.67 แต่ “อัยการสูงสุด” มีคำสั่งฟ้องตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค.67 ทำให้ “ทักษิณ” ขอเลื่อนด้วยอาการโควิด ในวันที่ 28 พ.ค.67
ทว่า “หัวขบวนอนุรักษ์นิยม” ไม่เล่นเกมยื้ออีกต่อไป ตัดบทสรุปจบขึงเอาไว้ในกรง ไม่ให้คิดหนีจากไปไหน เพราะหาก “ทักษิณ-เพื่อไทย” ปฏิบัติการตลบหลัง ภัยอันตรายจะมาถึงตัวทุกองคาพยพ “อนุรักษ์นิยม” ทันที
“ทักษิณ” จึงเป็นตัวประกันสำคัญที่จะต้องคอนโทรลเอาไว้ หากไม่มีชนักปักหลังจะเหมือนปล่อยเสือเข้าป่า สักวันจะหันกลับมากัดเจ้าของ
ตามรูปการณ์ที่มีการอ่านเรื่องนี้เป็นประเด็นการเมืองที่ว่า “หัวขบวนอนุรักษ์นิยม” วางแผนซ้อนแผน ตีไพ่สองหน้า ส่วนทาง “ทักษิณ-เพื่อไทย” พออ่านเกมออก แต่จะเลือกเดินเกมอย่างไรต้องอ่านกันแบบช็อตต่อช็อต
แผนแรก หาก “ทักษิณ” เลือกเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เข้าพบพนักงานอัยการ เพื่อนำตัวส่งฟ้องศาลในวันที่ 18 มิ.ย.67 จะเริ่มการนับหนึ่งการต่อสู้ในชั้นศาล
แต่ “ทักษิณ” ต้องการความมั่นใจว่าการนำตัวส่งฟ้องศาลจะได้รับการประกันตัวทันที เพราะหากมีใครเบี้ยวดีล ตัวของ “ทักษิณ” จะถูกส่งตัวเข้าเรือนจำทันที ไม่มีออปชั่นพักอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจอีกรอบแล้ว เพราะหลายเดือนที่พักโทษ โชว์ฟิตปั๋งเดินทางทั่วฟ้าเมือง อ้างป่วยปางตายแบบเดิม คงฟังไม่ขึ้น
ซึ่งระยะหลังคดี “มาตรา 112” ผู้ต้องหามักจะได้รับการประกันตัว เพื่อต่อสู้ทางคดี ซึ่งศาลจะกำหนดเงื่อนไขต่างๆ หากไม่ทำอะไรผิดเงื่อนไขของศาล ก็มีโอกาสต่อสู้คดีจนครบ 3 ศาล ช็อตแรกจึงต้องวัดใจ “ทักษิณ” จะเล่นเกมเสี่ยงหรือไม่
ซึ่งหากเล่นเกมแรง โดยไม่ให้ “ทักษิณ” ประกันตัวในทันที อาจจะทำให้ “ดีลล่ม” จนพังครืนเช่นกัน โอกาสที่ “ทักษิณ” ได้ประกันตัว จึงมีสูง
เนื่องจากการขึง “ทักษิณ” เอาไว้ “หัวขบวนอนุรักษ์นิยม” มองเกมยาว เพราะขั้นตอนการตัดสินคดีอาจจะลากยาวจนถึงการเลือกตั้งปี 2570 เมื่อถึงเวลานั้นต้องมารอดูผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร
หาก “ทักษิณ-เพื่อไทย” ยังรวมเสียงกับ “พรรคอนุรักษ์นิยม” จัดตั้งรัฐบาลได้ เจ้าตัวก็อาจจะเปิดดีลช่วยให้พ้นบ่วง “มาตรา 112”
แผนสอง “หัวขบวนอนุรักษ์นิยม” วางเกมขุดบ่อล่อ “นายใหญ่เพื่อไทย” เนื่องจากเกมในสภาฯ อยู่ระหว่างพิจารณาออกกฎหมาย “นิรโทษกรรม” โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มี “ชูศักดิ์ ศิรินิล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน
โดยก่อนหน้านี้มีข้อเสนอของคณะอนุกรรมาธิการ พิจารณาศึกษาข้อมูลและสถิติคดีความผิดอันเนื่องมาจากแรงจูงใจทางการเมือง 25 ฐานความผิด ประกอบด้วย 1.ความผิดอาญา อาทิ ความผิดตาม มาตรา 110 มาตรา 112 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ความผิดเกี่ยวกับก่อการร้าย ความผิดต่อชีวิต, 2.ความผิดทางแพ่ง, 3.ผิดกฎหมายเลือกตั้ง สส., 4.ผิดกฎหมายการได้มาซึ่ง สว., 5.ผิดกฎหมายว่าด้วย กกต.,
6.ผิดกฎหมายวิทยุคมนาคม, 7.ผิดกฎหมายทางหลวง, 8.ผิดกฎหมายในสถานการณ์ฉุกเฉิน, 9.ผิดกฎหมายการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร, 10.ผิดกฎหมายจราจรทางบก
11.กระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์, 12.การชุมนุมสาธารณะ, 13.ผิดตามกฎหมายการรักษาความสะอาด/ระเบียบเรียบร้อยบ้านเมือง, 14.ผิดกฎหมายควบคุมโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง, 15.ผิดตามกฎหมายการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
16.ผิดกฎหมายโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ, 17.ความผิดตามคำสั่ง คสช., 18.ผิดกฎหมายอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน, 19.ผิดกฎหมายควบคุมยุทธภัณฑ์, 20.ผิดกฎหมาย การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
21.ผิดกฎหมายการเดินอากาศ, 22.ผิดกฎหมายโรคติดต่อ, 23.ผิดกฎหมายควบคุมการเรี่ยไร, 24.ผิดกฎหมายว่าด้วยธง และ 25.ผิดกฎหมายจดแจ้งการพิมพ์
เชื่อแน่ว่า การออกกฎหมายนิรโทษกรรม ต้องเดินหน้าอย่างแน่นอน เพราะอยู่ในแพคเกจการสลายความขัดแย้งที่ทุกฝ่ายการเมืองเห็นพ้อง แต่ประเด็นหลักคือจะกำหนดความผิด “มาตรา 112” ให้ได้รับการนิรโทษกรรมด้วยหรือไม่ เพราะบางส่วนในรัฐบาลเองก็ไม่เห็นด้วยแบบหัวเด็ดตีนขาด
ยิ่งในกรณีที่ “ทักษิณ” ถูกล่ามด้วยคดีมาตรา 112 เช่นนี้ ก็ส่งผลต่อทิศทางของพลพรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาล
หากจับมือกับ “ก้าวไกล” ที่ผลักดันให้มีการนิรโทษกรรมคดี มาตรา 112 เพราะตีเป็นแค่ “คดีการเมือง” อย่างสุดลิ่ม เสียงโหวตในสภาฯคงไม่เป็นปัญหา พรรคเพื่อไทย 141 เสียง พรรคก้าวไกล 151 เสียง รวม 292 เสียง ผ่านร่างกฎหมายได้
แต่ก็สุ่มเสี่ยงทำให้ “ดีล” ขั้วพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันอาจจะแตกสลายไปด้วย
ที่สำคัญจะปลุกกระความไม่พอใจจาก “ติ่งอนุรักษ์นิยม“ ให้ลุกฮืออีกคำรบ ส่วนจะปลุกกระแสได้มากน้อยแค่ไหนไปวัดกับดาบหน้า แต่ต้องไม่ลืมว่า “ม็อบ กปปส.” ก็เกิดจากกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย ก่อนจะนำไปสู่ความวุ่นวายก็ไม่มีใครประเมินว่า “ลุงกำนัน” หรือใครที่อาจมารับไม้ต่อจะปลุกม็อบได้
ดังนั้นหาก “ทักษิณ-เพื่อไทย” เล่นเกมเสี่ยง ปลดบ่วงให้ตัวเองด้วยการบรรจุคดี “มาตรา 112” พ่วงไปในกฎหมายนิรโทษกรรม หากไม่มีเหตุและผลรองรับเพียงพอ ก็อาจจะเป็นการจุดเชื้อไฟให้ “อนุรักษ์นิยม” กลับมารวมพลังสู้
ที่ไม่เพียงเชื้อเชิญให้ม็อบลงถนนเท่านั้น ยังอาจเป็นการแง้มประตู “สถานการณ์พิเศษ” ให้มีเงื่อนไข มีน้ำหนัก ขึ้นมาทันที