ทูตจีนคนใหม่ถึงไทยแล้ว ย้ำ “ช่วยกันและกัน ร่วมกันสร้างอนาคต”

เป็นเวลาเกือบ 2 ปีเต็มที่ประเทศไทยไม่มีเอกอัครราชทูตจีนประจำ หลังจากที่นายหลิว เจียน (Lyu Jian) ทูตจีนคนก่อนมีเหตุผลทางสุขภาพต้องเดินทางกลับประเทศจีนเพื่อรักษาตัว ส่งผลให้ตำแหน่งนี้ว่างเว้นไป

แต่เมื่อวานนี้ทางสถานทูตจีนประจำประเทศไทยได้ลงข้อความเกี่ยวกับการเดินทางมาถึงของเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยคนใหม่ชื่อนายหาน จื้อเฉียง (Han Zhiqiang) โดยก่อนหน้านี้เขาดำรงตำแหน่งอธิบดีดูแลด้านบริหาร ประจำกระทรวงต่างประเทศจีน และเคยดำรงตำแหน่งอัครราชทูตจีนประจำญี่ปุ่นด้วย

โดยนายหานจะเป็นเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทยคนที่ 13

นายหาน ได้เขียนข้อความแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับการมาดำรงเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยตอนหนึ่งว่า “ประเทศทั้งสองมีความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ มีความผูกพันทางสายเลือด วัฒนธรรมและแนวคิดผสมผสานกัน เรามีประวัติความสัมพันธ์ฉันมิตรมานานนับพันปี”

เขายังได้เน้นย้ำถึงความร่วมมือกันระหว่างจีน-ไทยที่จะยังประโยชน์มาสู่ทั้ง 2 ประเทศไม่ว่าจะเป็นการร่วมกันผลักดันยุทธศาสตร์ “สายแถบและเส้นทาง” ที่มีคุณภาพสูง การต่อสู้กับโควิด19 ไปจนถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในอนาคต

แม้ว่าก่อนหน้านี้มีหลายฝ่ายวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องการว่างเว้นของตำแหน่งเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยไว้ในหลายมิติ โดยบางส่วนมองว่าเหตุผลที่ตำแหน่งนี้ว่างเว้นเป็นเวลานาน เพราะประเด็นปัญหาท่าทีด้านการต่างประเทศของไทยที่มีต่อจีนและสหรัฐอเมริกา หรือประเด็นปัญหาโครงการรถไฟความเร็วสูง

ซึ่งในข้อเท็จจริงก็ไม่มีใครสามารถทราบได้ว่าเหตุผลที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นจากอะไรกันแน่ เพราะทั้งฝ่ายไทย และจีน ก็ต่างออกมาพูดว่าความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศนั้นยังคงดำเนินไปได้ดี ยังคงมีความแน่นแฟ้นในทุกมิติ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ การเมือง และการทหาร

เมื่อไม่นานมานี้นายดอน ปรมัตถ์วินัยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศพึ่งเดินทางไปเมืองฉงชิ่งของจีน เพื่อพบปะและแลกเปลี่ยนความเห็นกับรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน และมีภาพคล้องแขนสุดแน่นแฟ้น

การมาถึงของทูตจีนคนใหม่ถือว่ามีความสนใจไม่น้อยในสภาพที่พื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อาจกลายเป็นพื้นที่ประลองกำลังทางการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของประเทศอย่างจีนและสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ยังมีปัญหาอย่างเรื่องประเด็นแม่น้ำโขงที่กลายเป็นประเด็นปัญหาระหว่างประเทศในอาเซียนและจีนมากยิ่งขึ้นภายหลังจีนมีการสร้างเขื่อนจำนวนมากที่ต้นน้ำ

รวมไปถึงประเด็นเรื่องนักเรียน และนักศึกษาชาวไทยกว่า 30,000 คนที่ยังคงไม่สามารถเดินทางไปเรียนที่ประเทศจีนได้จากมาตรการด้านโควิด19ของทางการจีน

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความท้าทายที่สำคัญ ที่อาจต้องมาจับตากันดูว่าทางการจีนจะมีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง หลังการมาถึงของทูตคนใหม่