ดีลที่สุดแห่งตลาดซื้อขายนักเตะหน้าร้อนประจำฤดูกาล 2021/2022

ตลาดซื้อขายนักเตะ (Transfer Window) หน้าร้อนประจำฤดูกาล 2021/2022 ของ 5 ลีกใหญ่ในโลก ไม่ว่าจะเป็น พรีเมียร์ลีกอังกฤษ, ลา ลีกา สเปน, กัลโช เซเรีย อา อิตาลี, บุนเดสลีกา เยอรมนี, และลีกเอิง ฝรั่งเศส ได้ปิดตัวลงพร้อมกันในวันที่ 31 สิงหาคม 2564 เวลา 23.00 น. (หรือ 5 นาฬิกาของเช้าวันที่ 1 กันยายน 2564 ตามเวลาประเทศไทย) ฝากเรื่องราวของดีล (Deal) การซื้อขายตัวนักเตะแบบมหากาพย์ให้แฟนบอลได้พูดถึงในตลาดรอบนี้ รวมถึงแต่ละทีมสามารถทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ในการทำธุรกิจเพื่อกระชากตัวนักเตะตามที่ผู้จัดการทีมต้องการมาเสริมทัพให้ได้ เรียกได้ว่ามีการเจรจาอย่างเคร่งเครียด เร่งเครื่องปิดดีลกันจนวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะเลยทีเดียว

.

NewsXtra จึงขอพาทุกท่านไปชมภาพรวมการซื้อขายนักเตะในหน้าร้อนประจำฤดูกาล 2021/2022 ว่ามีดีลการย้ายทีมของนักเตะคนใดที่น่าสนใจบ้าง

ดีลแพงที่สุด

เปิดฉากกันที่ดีลแรก นักเตะที่ย้ายทีมด้วยค่าตัวที่แพงที่สุดในตลาดซื้อขายนักเตะรอบนี้คือ แจ็ค กรีลิช (Jack Grealish) กองกลางตัวรุกทีมชาติอังกฤษ วัย 25 ปี ย้ายจากแอสตัน วิลล่า ไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวสูงถึง 100 ล้านปอนด์ ทำลายสถิติปอล ป็อกบา ด้วยการเป็นผู้เล่นในพรีเมียร์ลีกอังกฤษที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยดีลนี้แทบไม่มีสโมสรอื่นมาต่อราคาท้าสู้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้เลย เพราะแจ็ค กรีลิช ถูกกาชื่อหมายหัวเป็นเป้าหมายสำคัญในการเสริมทัพของเป๊ป กวาร์ดิโอลา นายหัวเรือใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยความที่เป็นนักเตะอังกฤษค่าตัวจึงแพงระยิบระยับมากกว่าค่าตัวที่แท้จริง กรีลิช เซ็นสัญญาระยะยาวกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 6 ปี จนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2027 รับค่าเหนื่อย 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

ดีลดราม่าที่สุด

ดีลดราม่าเรียกน้ำตาแฟนบอลมากที่สุดในตลาดซื้อขายนักเตะ คงหนีไม่พ้นการย้ายทีมของผู้เล่นระดับโลกอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ (Lionel Messi) ซุปเปอร์สตาร์ชาวอาเจนติน่า วัย 34 ปี ที่ประกาศอำลาสโมสรบาร์เซโลนา ที่เขามาร่วมทีมตั้งแต่อายุ 13 ปี และลงเล่นมากกว่า 20 ปี ไม่มีใครคาดคิดว่าเมสซี่จะย้ายทีม แต่ด้วยเงื่อนไขสัญญาส่วนตัว รวมถึงสถานะการเงินของสโมสร ทำให้บาร์เซโลนาไม่สามารถจ่ายค่าเหนื่อยของเมสซี่ได้ แม้ว่าเจ้าตัวจะตัดสินใจยอมลดค่าเหนื่อยของตนลงมา 50% ก็ตาม ในวันแถลงข่าวอำลาแฟนบอลและสโมสร เมสซี่ถึงกับร่ำไห้หลั่งน้ำตา ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับแฟนบอลที่รักเขา แม้ว่าจะรักสโมสรเพียงใด แต่เมื่อการเจรจาหาข้อยุติไม่ได้ เขาจึงจำเป็นต้องตัดสินใจ ในท้ายที่สุด เมสซี่ จึงได้ย้ายไปร่วมทีมปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในลีกเอิง ประเทศฝรั่งเศส อย่างไม่มีค่าตัว โดยเซ็นสัญญา 2 ปี พร้อมออปชั่นขยายเพิ่มอีก 1 ปี รับค่าเหนื่อยสูงถึง 650,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

ดีลน่าตื่นเต้นที่สุด

ค่ำคืนวันที่ 27 สิงหาคม 2564 เป็นคืนที่มีเรื่องราวความพีคเกิดขึ้นในโลกฟุตบอล เพราะดาวเตะระดับโลกอีกคนอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo) วัย 36 ปี ชาวโปรตุเกส ที่แสดงความต้องการอยากย้ายออกจากสโมสรยูเวนตุส โดยทางข่าวรายงานตรงกันว่าปลายทางของเขาคือเมืองแมนเชสเตอร์ แต่ไม่ใช่สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หากแต่เป็นฝั่งสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ผิดหวังจากดีลแฮร์รี่ เคน และกำลังต้องการกองหน้าคนใหม่มาทดแทนการย้ายออกไปของเซอร์จิโอ กุน อเกวโร่

.

ส่งผลให้เกิดกระแสจากแฟนบอลปีศาจแดง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ตั้งคำถามในโซเชียลอย่างหนัก และออกอาการรับไม่ได้อย่างชัดเจน หากต้องทนเห็นอดีตขวัญใจอย่าง CR7 ย้ายไปสวมเครื่องแบบสีฟ้าให้กับทีมคู่อริร่วมเมือง แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร หลังจากที่โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แถลงข่าวให้ความเห็นเกี่ยวกับดีลการย้ายทีมของโรนัลโด้ในทิศทางเชิงบวก สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง ไม่เว้นแม้แต่ผู้สื่อข่าวจอมแม่นอย่างฟาบิซิโอ โรมาโน่ ก็ยืนยันว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าร่วมท้าสู้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในการกระชากตัวโรนัลโด้กลับมาลากเลื่อยในโรงละครแห่งความฝัน

กลายเป็น 24 ชั่วโมงแห่งความอลหม่าน และเกิดเป็นกระแสในโลกโซเชียลอย่างมาก! เพราะในเวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมง หลังจากกุนซือชาวนอร์เวย์แถลงข่าว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปาดหน้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประกาศคว้าตัวโรนัลโด้มาร่วมทีมได้สำเร็จ ด้วยค่าตัว 12.5 ล้านปอนด์ เซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 2 ปี จนถึงเดือนมิถุนายน 2023 บวกออปชั่นพิเศษขยายสัญญาเพิ่ม 1 ปี รับค่าเหนื่อย 480,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และดีลนี้ได้สร้างแรงบวกในแง่ความรู้สึกของแฟนบอลที่รอคอยการกลับมายัง “บ้าน” สโมสรที่โรนัลโด้จากไปกว่า 12 ปี สถิติจากยอดการกดไลก์โพสต์ของสโมสรเตะถึงหลักล้านภายใน 1 ชั่วโมง อีกทั้งส่งผลให้มูลค่าหุ้นของสโมสรพุ่งขึ้นอย่างน้อย 8% หรือเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้สโมสรได้มากถึง 250 ล้านปอนด์ เรื่องราวลงเอยด้วยการย้ายทีมของโรนัลโด้กลับมายังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในคราวนี้ กลายเป็นความโรแมนติกของโลกฟุตบอลไปโดยปริยาย

ดีลยืดเยื้อที่สุด

ความบันเทิงในตลาดซื้อขายรอบนี้ยังไม่จบง่าย ๆ เมื่อช่วงเวลาช็อปปิ้งนักเตะเดินทางมาถึงวันสุดท้าย (Deadline) โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง 12 ชั่วโมงสุดท้าย ในคืนวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา เมื่อเชลซีเร่งเจรจาอย่างหนักเพื่อปิดดีลซาอู ญีเกส (Saúl Ñíguez) จากสโมสรแอตแลนติโก้ มาดริดมาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี ในราคา 5 ล้านยูโร พร้อมออปชั่นซื้อขาดในราคา 40 ล้านยูโร เรียกได้ว่าทีมเจรจาของเชลซีทำงานอย่างขยันขันแข็งจนวินาทีสุดท้าย จนพวกเขาสามารถปิดดีลกองกลางฝีเท้าเยี่ยม วัย 26 ปี ชาวสเปนรายนี้ มาเสริมแกร่งให้กับทัพสิงห์บลูสู้ศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ได้ทันอย่างหวุดหวิดก่อนตลาดซื้อขายนักเตะจะปิดตัวลง

ดีลที่จบไม่ลง…ยังคงต้องติดตามต่อไป

ดีลที่เจรจาอย่างไรก็ยังหาจุดลงตัวไม่ได้และปิดดีลไม่ลงดีลหนึ่ง ตกเป็นของ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) เจ้าหนูนักเตะแข้งเทพชาวฝรั่งเศส วัย 22 ปี ของสโมสรปารีส แซงต์-แชร์กแมง ถูกจัดว่าเป็นของรักของหวงยิ่งกว่ากล่องดวงใจของทีม เมื่อราชันชุดขาว รีล มาดริด สโมสรชื่อดังจากสเปน ยื่นข้อเสนอก้อนโตมาสู่ขอเอ็มบัปเป้ ไปร่วมทีมด้วยมูลค่าสูงถึง 200 ล้านยูโร หรือประมาณ 171.7 ล้านปอนด์ ถึงแม้ว่าตัวนักเตะเองจะแสดงเจตนาว่ามีใจต้องการย้ายไปร่วมทีมด้วย พร้อมปฏิเสธสัญญาฉบับใหม่กับปารีสฯ ก็ตาม แต่สุดท้ายการเจรจากลับไม่ประสบความสำเร็จ ด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งปารีส แซงต์-แชร์กแมง จึงแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการขายนักเตะรายนี้ออกไป และนั่นทำให้รีล มาดริด ต้องรอคอยในตลาดซื้อขายนักเตะรอบหน้า หากจะเซ็นสัญญาคว้าตัวเอ็มบัปเป้ โดยไม่มีค่าตัว เรื่องราวคงไม่จบลงง่าย ๆ และดีลนี้อาจกลายเป็นดีลมหากาพย์ในอนาคต

ผู้เขียน

TOPPING

The POP LOVER PODCAST