วันที่ 19 ก.ย. ธิษะณา ชุณหะวัณ ลูกสาวของ ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ หลานสาว ของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ดิฉันขอโทษพี่น้องประชาชนจากใจจริง”
1. ดิฉันยอมรับความผิดพลาดของดิฉันในอดีต ที่เคยไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตร และ กปปส. ซึ่งทำให้ดิฉันเป็นหนึ่งในจำนวนนับที่ปูทางไปสู่การทำรัฐประหาร ที่ทิ้งผลพวงอันเลวร้ายมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นความยากลำบากอย่างถึงที่สุดในการต่อสู้เพื่อจะให้ได้ประชาธิปไตยและความยุติธรรมกลับคืนมา
ดิฉันยอมรับว่าเข้าร่วมการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลขณะนั้น มีจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาล แต่ไม่ได้ตระหนักอย่างดีพอ ว่าการเข้าร่วมในครั้งนั้น จะถูกนำไปเป็นเครื่องมือในการสร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหาร แต่ดิฉันได้เรียนรู้แล้วว่า การจะได้รัฐบาลที่ดี ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากปลายกระบอกปืน แต่เกิดขึ้นได้จากวิถีประชาธิปไตยผ่านกลไกการถ่วงดุลและตรวจสอบอำนาจรัฐ โดยเคารพคุณค่าสิทธิมนุษยชนของทุกผู้ทุกนาม
2. ดิฉันรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งจากการโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดียของดิฉันเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ที่มีถ้อยคำที่รุนแรง ด้อยค่าและโหดเหี้ยมเกี่ยวกับผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงอย่างไม่ควรให้อภัย
ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เช่น รู้เท่าไม่ถึงการณ์ อายุน้อย ขาดข้อมูลรอบด้าน ไม่มีเหตุผลใดเพียงพอที่ทำให้ข้อความดังกล่าวสมควรได้รับการให้อภัย เพราะนั่นไม่ใช่แค่การแสดงความเห็นทางการเมืองที่คนเราสามารถมองแตกต่างกันได้ แต่คือเรื่องของมนุษยธรรม ที่มนุษย์คนหนึ่งพึงมีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
สิ่งสำคัญที่สุดคือความสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บของคนเสื้อแดง แม้ว่าคำขอโทษเป็นเพียงคำพูดที่ไม่สามารถนำเอาชีวิตของคนเหล่านั้นกลับมาได้ แต่ดิฉันยืนยันขอขมาต่อดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิต และผู้มีชีวิตที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม
3. อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือการโต้ตอบในโซเชียลมีเดียที่มีการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพกับคนที่ตั้งคำถามถึงการเข้าร่วมม็อบ กปปส. เป็นความผิดพลาดของดิฉันที่ไม่ทันตั้งรับกับการเป็นบุคคลสาธารณะ ที่ต้องเผชิญการถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือถูกตั้งคำถามอันเป็นเรื่องปกติ การตอบโต้ผู้วิพากษ์วิจารณ์ด้วยถ้อยคำไม่สุภาพ เป็นการกระทำที่ไม่สมควรในฐานะบุคคลที่อาสาเข้ามาทำงานสาธารณะ ดิฉันต้องขอโทษจากใจจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น และสัญญาว่าเหตุการณ์ที่ขาดการไตร่ตรองเช่นนี้ ต้องไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต
หลังจากเหตุการณ์ปี 53 ดิฉันได้เข้ามาทำงานเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนมากขึ้น ทำให้ตระหนักถึงความคิดที่ผิดพลาดไปในอดีตของตัวเอง การตระหนักถึงความผิดพลาดในอดีต เป็นพลังผลักดันสำคัญที่ทำให้ดิฉันตัดสินใจออกมาเคลื่อนไหวกับกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา การได้ต่อสู้เคียงข้างและสัมผัสพูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกกระทำอย่างโหดร้ายอยุติธรรมในอดีต โดยดิฉันเองก็เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการที่ทำร้ายพวกเขา ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้ถึงการต่อสู้ของราษฎร และยิ่งรู้สึกละอายใจต่อการกระทำของตัวเองในอดีตมากขึ้น
ดิฉันเสียใจที่ไม่ได้ออกมาพูดเรื่องนี้ก่อนหน้านี้ เพราะคำขอโทษนี้ไม่ควรออกมาจากปากดิฉันในฐานะเพียงคนที่สนใจเข้ามาทำงานการเมือง แต่ควรออกมาจากปากดิฉันในฐานะประชาชนคนธรรมดาที่แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำที่ผิดพลาดของตนเองในอดีต
ดิฉันน้อมรับทุกผลลัพธ์ที่จะตามมา ดิฉันไม่คาดหวังว่าจะได้รับการให้อภัยจากสังคม แต่ดิฉันขอพิสูจน์ความจริงใจของตัวเองที่ได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดในอดีต ผ่านการทำงานหนักที่สุดเท่าที่จะทำได้ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา และได้ความเป็นธรรมกลับคืนให้แก่ประชาชนทุกคนที่ถูกรัฐกระทำอย่างโหดร้ายทารุณ ยุติวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวลที่ฝังรากลึกในสังคมไทยให้ได้ในรุ่นเรา
.