ไทยสร้างไทย ดัน “บำนาญประชาชน 3,000 บาทต่อเดือน”

คุณหญิงสุดารัตน์ ยื่นสภา ผลักดันนโยบาย บำนาญประชาชน 3,000 บาทต่อเดือน

เมื่อวันที่ 4 ส.ค.65 พรรคไทยสร้างไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรค พร้อมผู้บริหารพรรค นายโภคิน พลกุล นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น และทีมคนรุ่นใหม่ นำร่าง พ.ร.บ.บํานาญแห่งชาติและสวัสดิการผู้สูงอายุ พ.ศ. …. ยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อริเริ่มในการเสนอร่าง พ.ร.บ.บํานาญแห่งชาติและสวัสดิการผู้สูงอายุ พ.ศ. …. เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า หลักการของพรรคไทยสร้างไทย คนไทยทุกคนจะต้องได้รับการดูแลให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี และมีศักดิ์ศรี ตั้งแต่ “เกิดจนแก่” พรรคได้เล็งเห็น ความจำเป็นในการดูแลผู้สูงวัยอย่างจริงจัง เพราะประเทศไทย เป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกของโลก ที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุแบบสมบูรณ์ (Aged Society)อย่างเต็มขั้นในปี 2565 และคาดว่าประเทศไทยจะขยับขึ้นเป็นสังคมสูงอายุแบบสุดยอด (Hyper Aged Society) หรือมีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุประมาณ 20% ในปี 2574 ซึ่งผู้สูงวัยของประเทศไทยส่วนใหญ่จะมีฐานะยากจนและมีสุขภาพไม่แข็งแรง

พรรคไทยสร้างไทย จึงเสนอนโยบายบำนาญประชาชน เพื่อให้เป็นเครื่องมือเตรียมการรองรับสังคมสูงวัย ซึ่งเป็นไปตามหลักการของรัฐธรรมนูญที่รัฐต้องดูแลผู้สูงวัยให้มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ ซึ่ง 3,000 บาทต่อเดือน มาจากฐานของการที่รัฐต้องดูแลพี่น้องประชาชน ให้อยู่เหนือเส้นแบ่งความยากจนที่ประมาณเดือนละ 2,700-2,800 บาท

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เราต้องดูแลผู้สูงวัยให้มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมทั้งการสร้างสุขภาพให้แข็งแรง จะปล่อยให้ประเทศไทยมีแต่คนแก่ที่อ่อนแอ และยากจนอย่างในปัจจุบันไม่ได้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของผู้สูงวัยทั้งของรัฐและครอบครัว ตลอดจนจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เพราะคนทำงานหารายได้จะลดลง

จึงเป็นที่มาของการเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาท และเงินดังกล่าว จะทำให้เกิดประโยชน์ถึง 4 ด้าน

1.ทำให้ผู้สูงวัยมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ ที่จะสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองได้ อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี

2.นโยบายดังกล่าวจะมีโครงการในการส่งเสริมสุขภาพซึ่งจะช่วยลดค่ารักษาพยาบาลและประหยัดงบประมาณแผ่นดิน และผู้สูงวัยจะสามารถกลับไปทำงานได้ รวมทั้งจะมีโปรแกรมในการส่งเสริมศักยภาพในการทำงานให้กับผู้สูงวัย (Re skill / Up skill)

3.เป็นการลดภาระลูกหลาน โดยเฉพาะคนในวัยทำงาน ทำให้ลูกหลานสามารถตั้งตัวได้

4. เป็นการเพิ่มกำลังซื้ออย่างมโหฬาร ทำให้เกิดการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก พร้อมสร้างความมั่นคงแข็งแรงให้กับเศรษฐกิจไทย จากเงินบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาทที่ผู้สูงอายุจะใช้ในการจับจ่ายใช้สอย เศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียนอย่างมหาศาล เงินจากโครงการบำนาญประชาชนจะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ รวมถึงสามารถลดความเหลื่อมล้ำได้

พรรคไทยสร้างไทย ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนร่วมกันเข้าชื่อผ่านเว็บไซต์ของทางสภาผู้แทนราษฎร หลังจากสภาตรวจสอบความชอบของร่างกฎหมายซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 วัน