ครม.ผ่านร่างกฎกระทรวง ฯ ลดอัตราเงินสมทบที่นายจ้างและผู้ประกันตนจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม 3 เดือน (พ.ค.-ก.ค. 65) ช่วยลดภาระค่าครองชีพและต้นทุนการผลิต
วันที่ 5 เม.ย. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. …. ลดอัตราเงินสมทบ 3 เดือน กรณี ม 33 นายจ้างและลูกจ้าง จ่ายเงินสมทบกองทุน ฯ เหลือ ฝ่ายละร้อยละ 1 จากเดิมร้อยละ 5 กรณี ม 39 จากเดิมร้อยละ 9 ของฐานค่าจ้าง 4,800 บาท (เดือนละ 432 บาท) ให้เหลือร้อยละ 1.9 หรือ เดือนละ 91 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.- 31 ก.ค. 65
ทั้งนี้ การลดอัตราเงินสมทบ 3 งวดนี้ ส่งผลให้กองทุนประกันสังคมจัดเก็บเงินสมทบได้ลดลง 34,023 ล้านบาท โดยผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบลดลงเป็นเงิน 18,085 ล้านบาท และนายจ้างจ่ายเงินลดลงเป็น 15,938 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ประกันตน ทำให้สามารถนำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่าย เสริมสภาพคล่องได้ประมาณ 1,000 – 1,800 บาทต่อคน ขณะเดียวกันนายจ้างก็มีสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ใช้กลไกของกองทุนประกันสังคม เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้ประกันตนและต้นทุนการผลิตให้แก่นายจ้าง ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงานจากปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคยุโรป เท่านั้น
จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพเพิ่มให้แก่ผู้ประกันตนอีกร้อยละ 2.95 ในช่วง 1 พ.ค.-31 ก.ค.
นายธนกร กล่าวอีกว่า ครม.ยังอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและระยะเวลาและอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพเป็นการเฉพาะในช่วงที่มีการลดอัตราเงินสมทบ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. กำหนดอัตราการจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพ ให้แก่ผู้ประกันตนในช่วงที่มีการลดอัตราเงินสมทบ 3 เดือน ตั้งแต่ 1 พ.ค. – 31 ก.ค. 65 โดยให้คำนวณเพิ่มจากอัตราเงินสมทบขึ้นอีกร้อยละ 2.95 ของค่าจ้างที่มีตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. – 31 ก.ค. 65 เพื่อให้สามารถจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพได้เพิ่มขึ้น
นายธนกร ยังกล่าวว่า จากมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากราคาพลังงานเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคยุโรป ให้ลดอัตราเงินสมทบที่นายจ้างและผู้ประกันตนจะต้องจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมในระยะเวลา 3 เดือน ส่งผลให้ผู้ประกันตนบางส่วนจะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพลดลง เนื่องจากเป็นการคำนวณจากเงินที่มีการจ่ายเข้ากองทุน ดังนั้น รัฐบาลจึงมีนโยบายลดผลกระทบ โดย เสนอร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ โดยให้คำนวณอัตราเงินสมทบเพิ่มขึ้นอีก 2.95 ตั้งแต่ พ.ค. – ก.ค. ซึ่งเป็นช่วงลดอัตราส่งเงินสมทบเข้ากองทุน ฯ
ทั้งนี้กระทรวงแรงงานคาดว่ามีผู้ที่ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพที่จะได้รับผลกระทบจากการลดอัตราเงินสมทบจำนวน4,860,212 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 36 ของผู้นำส่งเงินสมทบ ม. 33 และ ม. 39 ทั้งหมดในช่วงระยะเวลาที่ลดอัตราเงินสมทบ และเมื่อมีการปรับอัตราจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพจะมีผลให้ผู้ประกันตนได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเพิ่มขึ้นในภาพรวม จำนวน 4,553 ล้านบาทโดยผู้ประกัน ม. 33 ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเพิ่มขึ้น 1,032 บาท/คน รวมเป็นเงิน 4,232 ล้านบาท และผู้ประกันตนตาม ม. 39 ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเพิ่มขึ้น 423 บาท/ คน รวมเป็นเงิน 321 ล้านบาททำให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินที่เพิ่มขึ้นไปใช้จ่ายเพื่อยังชีพในยามชราบรรเทาปัญหาการเงินของผู้ประกันตนได้บางส่วนอย่างไรก็ตาม ในอนาคต เมื่อสถานการณ์เหมาะสม กองทุนประกันสังคมอาจจะต้องมีการเก็บเงินสมทบเพิ่มขึ้นเพื่อนำมาชดเชยกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนี้ต่อไป