เวลา 15.00 น. วันที่ 5 พ.ค.นี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยคดีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกร์ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ในคดีที่เคยต้องคำพิพากษาของศาลออสออสเตรเลีย ในคดีขนยาเสพติดเข้าประเทศ หลังฝ่ายค้าน ได้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า เมื่อเคยต้องคำพิพากษาแล้ว การเป็นรัฐมนตรี และ ส.ส. ของ ร.อ.ธรรมนัส ถือว่าสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
โดย ศาลรัฐธรรมนูญ สมาชิกภาพของ ร.อ.ธรรมนัส ไม่สิ้นสุดลง เพราะคำพิพากษาของศาลต่างประเทศนั้น อยู่นอกอธิไตยของประเทศไทย แม้ผู้ถูกต้องจะเคยต้องคำพากษา แต่ไม่ใช่คำพิพากษาของไทย
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านวินิจฉัยว่า อำนาจของตุลาการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจอธิปไตย ย่อมไม่ตกเป็นของอาณัติหรือภายใต้อำนาจตุลาการของรัฐอื่น ดังนั้น การบังคับตามคำพิพากษาของศาลต่างประเทศ จึงไม่สอดคล้องกับหลักการ
หลักอธิปไตยของรัฐตามกฏหมายระหว่างประเทศ คำพิพากษาของศาลรัฐใดก็จะมีผลในดินแดนของรัฐนั้น บางกรณีรัฐใดรัฐหนึ่งอาจให้คำรับรองของคำพิพากษาอีกรัฐหนึ่ง แต่ต้องมีการทำสนธิสัญญารับรอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปตามคดีแพ่ง คดีครอบครัว และคดีมรดก สำหรับคดีอาญา ได้รับการพิจารณาบ้าง ในคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน
เมื่อรัฐธรรมนูญกล่าวถึงบทบัญญัติของคำพิพากษา จึงต้องมีการยืนยันถึงคำพิพากษาของรัฐนั้น ไม่รวมถึงคำพิพากษาของศาลต่างประเทศ
“แม้ผู้ถูกร้องจะเคยต้องคำพิพากษาของศาลรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลียก่อนสมัครรับเลือกตั้ง แต่ไม่ใช่คำพิพากษาของศาลไทย ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ”
