อิหร่านประท้วงผู้นำต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 แล้วปม “ฮิญาบ”
การประท้วงต่อต้านผู้นำของอิหร่านเข้าสู่สัปดาห์ที่สี่ด้วยการประท้วงซึ่งรวมถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยหญิงที่กำลังโวยวายประธานาธิบดี Ebrahim Raisi ขณะที่เขาเยี่ยมชมมหาวิทยาลัย Al Zahra ซึ่งเป็นโรงเรียนเฉพาะสตรีชื่อดังของ Tehran พร้อมตะโกนว่า “Raisi get lost!”! และ “Death to the oppressor!” (ความตายของผู้ถูกดขี่)
ขณะที่ Raisi ได้กล่าวสุนทรพจน์ประจำปีแก่นักเรียนที่สนับสนุนระบอบการปกครองในหอประชุม โดยในระหว่างการการพูดของ Raisi เขาเรียกผู้ประท้วงว่า “ศัตรู” และเน้นย้ำถึงการสนับสนุนตำรวจและทหาร เพื่อปราบปรามผู้ประท้วงทั่วประเทศ โดยไม่กังวลถึงกระแสโลกออนไลน์ของสังคมอิหร่านที่พูดถึงการปราบปรามผู้ประท้วงอย่างไร้ปราณีและละเมิดสิทธิ
สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ถือความไม่สงบที่ดุเดือดและรุนแรงที่สุดบางส่วนนับตั้งแต่การปฏิวัติอิหร่านในปี 2522 ที่นำไปสู่การจัดตั้งคณะผู้นำศาสนาในปัจจุบัน โดยครั้งนี้เกิดขึ้นจากการเสียชีวิตของมาห์ซา อามินี (Mahsa Amini) หญิงสาววัย 22 ปี ที่เสียชีวิตจากการควบคุมตัวของ ตำรวจโดยจับกุมเธอในข้อหาดูหมิ่นการแต่งกายของอิสลาม
นำไปสู่การประท้วงเรื่อยมาจนึงปัจจุบัน ทั้งการเลิกสวมฮิญาบ และแสดงเชิงสัญลักษณ์เพื่อต่อต้านผู้นำ และการรวมกลุ่มใคนครั้งนี้ถือเป็นการปฏิเสธระบบจารีตที่มีอยู่และระบบการเมืองอย่างเด่นชัดในรอบ 40 ปีที่ผ่านมาก็ว่าได้
แม้รัฐบาลอิหร่านจะไม่ได้แจ้งยอดผู้เสียชีวิตสำหรับการประท้วงในครั้งนี้ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน แต่มีการระบุว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วจำนวน 41 ราย และรายงายเมื่อวันเสาร์ทีผ่านมาองค์กรสิทธิมนุษยชนรายงานว่า จนถึงขณะนี้ มีผู้เสียชีวิต อย่างน้อย 185 คน ซึ่งถูกปฏิบัติการโดยกองกำลังความมั่นคง โดยหนึ่งในนี้มีเด็ก 19 คน