“สัญญาณจากโต๊ะอาหารสู่อาการทางการเมือง”

“สัญญาณจากโต๊ะอาหารสู่อาการทางการเมืองในปลายปี 2565”

เสร็จศึกรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมเคลียร์ทุกปัญหาใจ กับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนา ในวันที่ 8 มีนาคม พร้อมปิดงานด้วยภาพสัญลักษณ์จากนายกฯ ลุงตู่ แบบ “ไอเลิฟยู” อีกเช่นเคย ต่อมาไม่นาน พรรคเล็กก็เกิดอาการงอแง น้อยใจ ว่าทำไมถึงไม่เทียบการ์เชิญเหมือนกับคนอื่นบ้าง เพราะอย่าลืมว่า พรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้มีแค่พรรคใหญ่ๆ ยังประกอบด้วยพรรคเล็กอีกกว่า 10 พรรค ไฉนถึงไม่เทียบเชิญ

อาการดังกล่าวนำไปสู่ปัญหาอีกระลอก ชนิดที่ว่า “ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก” ถึงขนาด ล่มเรือรัฐนาวาหากไม่แก้ไข อย่าลืมว่า ลิงยุคนี้ไม่ได้ทานเป็นแค่กล้วย อาหารเขาก็อยากรับประทานกันเป็น

ในท่าทีที่ “พลเอก” ลืมเชิญ ร้อยเอกอย่าง ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็รีบหยิบชิ้นปลามันคว้าโอกาสนี้ไปทันที หลังมีการเชิญทานข้าวกับพรรคเล็ก ระบุว่า มาทานข้าวในฐานะคนคุ้นเคยกันและดูแลกันมานาน หลังสิ้นเสียงร้อยเอก กลุ่มพรรคเล็กก็ออกมาพูดถึงการทานข้าวครั้งนี้อย่างต่อเนื่องต่อประเด็นดังกล่าว

สุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ คือหนึ่งในนั้นที่ออกมาตัดพ้อ และเหน็บว่า นายกฯ มองพรรคเล็กเหมือนชนชั้นสอง ควรเอาเวลาไปแก้ปัญหาประชาชนมากกว่าการจะมานัดกินข้าวกันแบบนี้ สำทับด้วย พีระวิทย์ เลื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม ที่บอกว่า ไม่สนใจเรื่องตำแหน่งเพราะอย่างไรนายกฯ ก็ไม่ให้ อยู่แล้วจะคิดให้รกสมองทำไม

การกินข้าวกับร้อยเอกครั้งนี้ออกอาการฟาดงวงฟาดงาเล็กๆ พร้อมแย้มโอกาสในการเข้าไปอยู่ร่วมกับร้อยเอกธรรมนัสเป็นเหตุให้นายกฯ เพิ่งรู้ตัว หลังจากกินแป๊ะก๊วยอย่างไรไม่ทราบ ว่าต้องเชิญพรรคเล็กเข้าร่วมด้วย การออกมาแก้เกมที่ดูเหมือนแก้เกี้ยวครั้งนี้นำไปสู่การนัดพรรคเล็กทานอาหาร ใน 17 มีนา ที่จะถึงนี้ แม้จะมีการลือยกเลิกบ้างไม่ยกเลิกบ้าง จนออกอาการเสียรังวัด

สัญญาณในวงหนึ่งจากโต๊ะอาหารของดาวอีกดวงที่ปรากฏขึ้นที่มูลนิธิป่ารอยต่อก็เด่นชัด หลังนัดพรรคเล็กกินข้าวเคลียร์ใจส่วนตัวพร้อมระบุจากวงกระแสดินเนอร์ถึงกรณีถึงการยุบสภาฯหลังการประชุม APEC เพื่อเป็นของขวัญให้ประชาชนในสิ้นปีที่จะถึงนี้ กระแสดังกล่าวเกิดขึ้นชนิดที่ว่า ร้อนฉ่าไปทั้งทำเนียบ จนดาวประจำทำเนียบอย่าง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องออกมาตอบถึงกระแสดังกล่าวด้วยท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่เชิงปฏิเสธเสียทีเดียวในลักษณะที่ว่า “เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประวิตรท่านเป็นคนพูดและท่านได้ชี้แจงให้ผมทราบแล้ว โดย พล.อ.ประวิตรพูดในมุมของท่าน แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของนายกฯ ซึ่ง พล.อ.ประวิตรพูดกับผมเมื่อสักครู่นี้”

การออกมาพูดถึงเรื่องการยุบสภา โดยพี่ใหญ่ในสาม ป. ครั้งนี้เรียกได้ว่ามีน้ำหนักกว่าครั้งไหนๆและเหมือนดูเป็นการบอกกลุ่มนักธุรกิจและนักการเมืองให้เตียมพร้อมถึงสถานกาณ์ที่จะเกิดขึ้นนปลายปีนี้ อีกทั้งยังเป็นการพูดเพื่อเสนอพรรคเล็กให้จับกลุ่มช่วยรัฐบาลก่อนอีกเพียง 9 เดือน รัฐบาลก็จะสิ้นสุดลงตาม ข้อเสนอที่ต้องการ การเสนอครั้งนี้ดูเหมือนเป็นข้อเสนอที่พรรคเล็กก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีการพูดจากพี่ใหญ่ “พลเอกประวิตร” เพียงแค่หวังอยากทานข้าวกับครม.กับแกนนำรัฐบาลบ้าง แต่ดูเหมือนข้อเสนอของพลเอกประวิตรจะให้มากกว่านั้น ธรรมดาคนใจใหญ่ก็งี้

ส่วนน้องรอง “พลเอกประยุทธ์” ยังออกอาการฉุนพรรคเล็กอยู่เล็กน้อย หลังงอแงไม่เลิก ออกอาการไม่สนกรณีพรรคเล็กจะมาล้มโดยระบุว่า “ก็ให้มาล้มเถอะไป ใครจะล้มก็ล้มไปเถอะ ผมไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้” เป็นอาการมั่นใจอยู่เนืองๆ หลังเคลียร์ปัญหา นอ หนู อนุทิน พร้อมภาพจับมือเดินทางเปิดสนามบินเบตงเมื่อ 14 มีนาที่ผ่านมา อีกทั้งนัดกินข้าวที่จะถึงนี้ ลุงตู่ยังพกรองนายกฯ อนุทินไปร่วมวงด้วย เห็นทีความสัมพันธ์ของทั้งสองคงกระชับมากขึ้นจากการทานข้าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

การยุบสภาฯ ในกลางปีเหมือนที่หลายคนวาดหวังไว้เห็นที่จะทอดยาวไปถึงปลายปี จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน เห็นที่พฤษภานี้เราคงจะได้เห็นแค่ การเลือกตั้งชิมลาง ผู้ว่ากทม.และนายกฯเมืองพัทยา ให้สนุกปากสนุกมือไปพลางๆ ตอนนี้คงเป็นได้เพียงแค่สัญญาณชัดเจนให้นักธุรกิจและนักการเมือง เตรียมการวางแผนรับมือให้ทันไปก่อนก็แล้วกัน หวังเพียงแต่พฤษภานี้คงจะไม่มีอะไรในกอไผ่…