กมธ.ลงมติชนะเฉียดฉิว ไม่คิดเบี้ยปรับ พร้อมขยายระยะเวลาปลอดหนี้ กยศ.
วันที่ 20 พ.ค. 65 ที่รัฐสภา นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ( ฉบับที่ .. ) พ.ศ. …. แถลงผลการพิจารณาของคณะ กมธ. เมื่อวันพุธที่ 18 พ.ค 65 โดย ที่ประชุมกมธ. ได้พิจารณามาตรา 17 ซึ่ง กมธ.เสียงข้างมาก 12 เสียงต่อ 11 เสียง ลงมติไม่คิดเบี้ยปรับ กรณีลูกหนี้ กยศ. ผิดนัดชำระหนี้คืนกองทุน ด้วยเหตุผลเพื่อเป็นการลดภาระให้กับลูกหนี้กองทุน กยศ. ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ส่วนเหตุผลของ กมธ.เสียงข้างน้อย ที่สงวนความเห็นให้คิดเบี้ยปรับร้อยละ 1 ต่อปี เพื่อเป็นการรักษาวินัยทางการเงินของผู้กู้ เกรงว่าถ้าไม่มีเบี้ยปรับเลย ผู้กู้ จะปล่อยปละละเลยการชำระหนี้เงินกู้ ซึ่งจะกระทบต่อผู้กู้ที่เป็นรุ่นต่อไป จะไม่มีเงินให้กู้เพื่อเรียนต่อ ซึ่งร่าง พ.ร.บ. ฉบับ ของ ครม. และร่าง พ.ร.บ. ฉบับของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ปรับลดเบี้ยปรับจากร้อยละ 18 ต่อปี ในกฎหมายปัจจุบัน เหลือเพียงร้อยละ 1 ต่อปี ถือว่าเป็นการลดภาระเบี้ยปรับค่อนข้างมากอยู่แล้ว
นพ.บัญญัติ กล่าวว่า นอกจากนี้ คณะ กมธ. ยังได้มีมติให้ผู้กู้เงินกองทุน กยศ. มีสิทธิประโยชน์ จากระยะเวลาปลอดหนี้ เป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่สำเร็จการศึกษา เลิกการศึกษา หรือพ้นสภาพการศึกษา
สำหรับเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ กยศ. คณะ กมธ. ได้ลงมติเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 65 ให้ปรับลดดอกเบี้ยจากกฎหมายปัจจุบันที่คิดดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 7.5 ต่อปี เหลือเพียงไม่เกินร้อยละ 0.25 ต่อปีไปแล้ว โดยปรับลดจากร่าง พ.ร.บ.ฉบับของครม. และร่าง พ.ร.บ.ฉบับของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุไว้ ร้อยละ 2 ต่อปี เพื่อบรรเทาภาระทางเศรษฐกิจของผู้กู้
สำหรับกรณีผู้ค้ำประกันเงินกู้ กยศ.นั้น คณะกมธ. อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่ง กมธ. มีแนวโน้มว่าจะยกเลิกไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้ค้ำประกัน เช่น บิดา มารดา คุณครู โดยให้นักเรียนนักศึกษาค้ำประกันตนเอง แต่อาจจะให้มีผู้ค้ำประกันเฉพาะกรณีกู้เพื่อเรียนต่อปริญญาโท ปริญญาเอก ที่มีวงเงินกู้ค่อนข้างสูง เท่านั้น ซึ่งคณะ กมธ.ได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้บนพื้นฐานของการส่งเสริมให้การศึกษา เป็นมาตรการแก้ไขความเหลื่อมล้ำของประชาชนเนื่องจากกการศึกษาเป็นการสร้างทุนมนุษย์ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ตนเอง ครอบครัวและประเทศชาติ หากผลการพิจารณาเป็นเช่นใด จะนำมาแถลงข่าวในครั้งต่อไป