(24 มี.ค.) นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการญาติวีรชน ประกาศจะเดินหน้าเคลื่อนไหวกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงจากอำนาจเพื่อตัดตอนความรุนแรงที่จะนำประเทศไปสู่หายนะนั้น ล่าสุดในวันศุกร์ที่ 26 มี.ค. 2564 ญาติวีรชนพฤษภาทมิฬ และ 30 องค์กรประชาธิปไตย จัดงาน “สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” ให้ภาคประชาชนร่วมหาทางออกให้ชาติบ้านเมือง ณ ห้องประชุมชั้น 3 สมาคมนักข่าว ถนนสามเสน โดยมีวิทยากร อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. นายสมชาย หอมลออ ที่ปรึกษาสมาคมนักกฎหมาย
สิทธิมนุษยชน นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการ สตง. นายปรีดา เตียสุวรรณ์ เครือข่ายนักธุรกิจเพื่อสังคม นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน เป็นต้น
นายอดุลย์ กล่าวว่า ความขัดแย้งที่ปรากฏในสังคมไทยทั้งเมืองและชนบทไม่มีทางที่จะหาทางออกได้หาก พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ในอำนาจ ดังจะเห็นได้ว่า การเคลื่อนไหวของเยาวชนนักศึกษา นับวันจะถูกปราบปรามอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ งบประมาณแทนที่จะนำไปพัฒนาประเทศ กลับถูกจัดสรรมาเพื่อปราบปรามประชาชน บำรุงบำเรอรัฐระบบราชการ อัดฉีดเข้าสู่เครือข่ายที่สนับสนุนอำนาจเผด็จการของ พล.อ.ประยุทธ์
ขณะที่ความขัดแย้งในภาคชนบท พล.อ.ประยุทธ์ ก็สนับสนุนเครือข่ายเข้าไปปล้นสะดมภ์ทรัพยากรภายใต้คำสวยหรูว่า เป็นโครงการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา หรือโครงการทำเหมืองแร่ต่างๆ ในภาคอีสาน แม้กระทั่งชาวบ้านบางกลอยที่อยู่กับป่ามาแต่ครั้งบรรพบุรุษก็ยังถูกขับไล่ออกมาเพื่อไม่ให้เห็นเป็นกางขวางคอขบวนการฮุบผืนป่าของนายทุน และข้าราชการ
ประเด็นสำคัญคือการแก้กติกาที่ไม่เป็นธรรม อย่างรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ พล.อ.ประยุทธ์ก็เล่นละครตบตามาตลอด จนกระทั่งล่าสุดออกมาท้าทายประชาชนที่เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ลงจากอำนาจ โดยไล่ให้ไปแก้รัฐธรรมนูญมาให้ได้ก่อนค่อยมาไล่ นี่คือการสุมไฟความขัดแย้งยิ่งๆขึ้น
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ คงจะมีความมั่นใจว่า เมื่อมี 250 ส.ว.อยู่ในมือ ใครก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แก้รธน.ก็ไม่ได้ เลือกตั้งครั้งหน้าก็ให้ส.ว.เหล่านี้ช่วยกันโหวตมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ถึงได้กล้าท้าทายอำนาจประชาชน ซึ่งอยากเตือน พล.อ.ประยุทธ์ ว่าไม่มีอำนาจเผด็จการใดยืนค้ำฟ้า สักวันหนึ่งประชาชนจะออกมาขับไล่ โดยในหลายประเทศเห็นตัวอย่างมามากมาย อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ คิดถึงประเทศให้มาก อย่าคิดแต่เรื่องการสืบทอดอำนาจ อย่าผูกขาดความรักชาติไว้เพียงคนเดียว ถึงเวลาแล้ว ถอยออกไปเถอะ เพราะอยู่ในอำนาจมากว่า 6ปี ไม่ได้ช่วยทำให้สถานการณ์ประเทศดีขึ้น ไม่ทำตามคำมั่นสัญญา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การปฎิรูปประเทศ การสร้างสมานฉันท์ปรองดอง กติกาความเป็นประชาธิปไตย การทุจริตคอรัปชัน และยังรวมถึงปัญหาด้านสังคมที่มีความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะการปล่อยให้ยาเสพเสพติดแพร่ระบาดไปทุกหัวระแหง มีข่าวคนติดยาบ้าฆ่าผู้บริสุทธิ์ทุกวัน ซึ่งถือเป็นภัยร้ายแรงที่ห่วงใยยิ่งในเวลานี้
นายอดุลย์ กล่าวอีกว่า เงื่อนไขความรุนแรงกำลังสะสมรอวันสุกงอมจากทุกพื้นที่บนผืนแผ่นดินนี้ ซึ่งตนเกรงว่าหากประชาชนไร้ทางออก สถานการณ์อาจลุกลามเป็นสงครามกลางเมือง มีการแทรกแซงของกองกำลังต่างชาติได้ ซึ่งบทเรียนนี้ ที่คนไทยจับอาวุธเข่นฆ่ากันเอง