คณะกรรมการตรวจสอบไลน์หลุด พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมสอบ ติ่ง มัลลิกา และผู้ที่เกี่ยวข้อง ปม ไลน์ฉาว คนในพรรคมีเรื่องเชิงชู้สาว
(26 เม.ย.65) นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบการให้ข้อมูลที่ไม่เหมาะสม และการนำข้อมูลภายในพรรคไปเผยแพร่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับความเสียหาย แถลงข่าวความคืบหน้าการประชุมนัดแรกว่า ที่ประชุมได้มอบหมายตนให้เร่งดำเนินการสอบสวนกรณีที่มีการโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสม และกรรมการบริหารที่อยู่ในกลุ่มไลน์ทุกคนให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด และจะได้นัดประชุมเพื่อรวบรวมข้อมูลประเด็นต่างๆ เสนอต่อหัวหน้าพรรคต่อไป
นายนราพัฒน์ ระบุ นอกจากนี้ทางคณะกรรมการฯ ยังได้พิจารณาเพิ่มเติมโดยเห็นว่าควรปรับปรุงข้อบังคับพรรคให้มีกติกาและมีบทลงโทษในการใช้โซเชียลมีเดียให้เหมาะสม และการกำหนดโทษการใช้โซเชียลที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อพรรคในอนาคต โดยต้องการให้มีศูนย์รับเรื่องกรณีที่มีการโพสต์ หรือการแชร์ข้อความในโซเชียลมีเดียทั่วไป ซึ่งเป็นการโพสต์ข้อความเท็จ บิดเบือน ทำให้พรรคได้รับความเสียหาย เพื่อมอบให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินคดีต่อไป
นายนราพัฒน์ กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว เนื่องจากได้ตั้งระยะเวลาการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ ดังนั้นการเชิญกรรมการบริหารทุกท่านมา คงจะใช้เวลาพอสมควร จึงจะใช้จากการพูดคุยสอบถามทางโทรศัพท์ หรือการตอบข้อความทางไลน์เป็นรายบุคคล เพื่อบันทึกความคิดเห็น
ผู้สื่อข่าวยังถามถึงสาเหตุที่ข้อความทางไลน์หลุดลอดออกไปภายนอกได้อย่างไรนั้น นายนราพัฒน์ กล่าวว่า พอทราบว่ามาจากกลุ่มนักข่าวกลุ่มเล็กๆ ที่นำข้อความนี้ไปขยายความต่อ เรื่องนี้จำเป็นต้องสืบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่งก่อน ส่วนนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตกรรมการบริหารพรรคนั้น ได้แสดงความรับผิดชอบในฐานะส่วนตัวด้วยการลาออกไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ชี้แจงถึงสาเหตุ ขณะที่นางมัลลิกายังจำเป็นต้องเป็น 1 ในผู้ที่ต้องถูกตรวจสอบจากคณะกรรมการ เพื่อทำเป็นบันทึกถ้อยคำถึงเจตนาการตอบข้อความทางไลน์ และเกี่ยวข้องกับกรณีข้อความทางไลน์หลุดออกไปภายนอกหรือไม่
เมื่อถามขอบเขตการตรวจสอบของคณะกรรมการว่า จะได้พิจารณาถึงกรณีชู้สาวภายในพรรคหรือไม่นั้น นายนราพัฒน์กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดแสดงตัวว่าเป็นผู้เสียหาย และจากการสอบถามก็ยังไม่พบว่ามีผู้ใดเข้าข่าย หรือมีผู้เสียหายออกมาแสดงตัวตามที่นางมัลลิการะบุ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงคิดว่าไม่น่าจะมีมูลอะไร เพียงแต่ว่าอาจจะเป็นเรื่องการแสดงอารมณ์ตอบโต้กัน ซึ่งเป็นปัญหาภายใน ซึ่งตามข้อบังคับก็ระบุไว้ถึงแนวทางการแสดงความเห็นว่าจะต้องไม่ไปก้าวล่วงหรือหมิ่นประมาทผู้ใด
“ผมคิดว่าจะนัดประชุมอีกครั้งในวันอังคารหน้า หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดเสร็จสิ้น และจะได้เสนอต่อท่านหัวหน้าต่อไป ซึ่งตามข้อบังคับในเรื่องบทลงโทษต่างๆ ท่านหัวหน้าได้มอบให้กรรมการทำหน้าที่สืบสวนสอบสวน แล้วบันทึกข้อมูลทั้งหมดเพื่อให้ท่านหัวหน้าได้พิจารณาบทลงโทษต่อไป”