แผนลดภาษีครั้งใหญ่ ทำคะแนนนิยมพรรค Tory ดิ่งเหว
พรรคแรงงานของสหราชอาณาจักรทะยานขึ้นในรอบกว่า 20 ปีหลังพรรคอนุรักษ์นิยมอังกฤษถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักทั้งฝ่ายตรงข้ามและฝั่งผู้นำพรรคถึงแผนการลดภาษีครั้งใหญ่ของอังกฤษเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอังกฤษหลังเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย
รัฐบาล Liz Truss ภายใต้ขุนคลังอย่าง Kwasi Kwarteng ออกมาตรการครั้งสำคัญภายหลังอังกฤษเผชิญความยากลำบากทางเศรษฐกิจโดยประกาศแผนการเพื่อแก้ไขซึ่งเรียกว่า Growth Plan 2022
โดยถือเป็นแผนการลดภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งประกอบด้วย การตัดลดภาษีเงินได้นิติบุคคล มูลค่า 12,000 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4.9 แสนล้านบาท) การตัดลดเงินนำส่งกองทุนประกันสังคมของสหราชอาณาจักรลง มูลค่า17,000 ล้านปอนด์ (ประมาณ 7 แสนล้านบาท) การตัดลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอัตราพื้นฐาน มูลค่า 5,000 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2.1 แสนล้านบาท) และอัตรา 45% อีก มูลค่า 2,000 ล้านปอนด์ (ประมาณ 82,000 ล้านบาท) การงดเว้นการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในการซื้อสินค้าเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เป็นต้น
และแผนดังกล่าวนับได้ว่าเป็นแผนการลดภาษีครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ Edward Heath เป็นนายกรัฐมนตรี
เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหูอย่าง ส.ส.Simon Hoare พรรคอนุรักษ์นิยมกล่าวถึงแผนดังกล่าวว่า “เป็นความบ้าคลั่งและไม่สมควรจะไปต่อได้” ลงในทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขา ขณะที่ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลบอริส จอห์นสัน Dominic Raab ผู้ซึ่งสนับสนุน Rishi Sunak ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมคนต่อไป ได้เรียกแผนการลดหย่อนภาษีของ Truss ว่าเป็น “บันทึกการฆ่าตัวตายจากการเลือกตั้ง”
ฟากฝ่ายตรงข้ามอย่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเงา อย่าง Rachel Jane Reeves ของพรรคเลเบอร์ ได้ตั้งคำถามต่อแผนดังกล่าวและกล่าวว่า มาตรการที่เสนอมานั้นป็นการ “ช่วยคนที่รวยอยู่แล้ว” ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือผู้ที่เผชิญปัญหาค่าครองชีพสูงในปัจจุบัน และกำลังจะยิ่งทำให้เงินเฟ้อของประเทศสูงขึ้น
แม้นายกรัฐมนตรี Truzz จะออกมาปกป้องแผนดังกล่าวในเวที “State of the Union” ของ CNN โดยกล่าวว่า “เราจำเป็นต้องสร้างแรงจูงใจให้เติบโตในช่วงเวลาที่ยากลำบากมากสำหรับเศรษฐกิจโลก” แต่กระนั้นก็ฉุดความนิยมของพรรคอนุรักษ์นิยมร่วงหนักในรอบหลายปี
จากการสำรวจของ Yougov เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาพบว่า พรรคอนุรักษ์นิยมคะแนนลดลงเหลือ 26% ขณะที่พรรคแรงงานเพิ่มขึ้นเป็น 47% ถือเป็นคะแนนนิยมที่ตามหลังพรรคคู่แข่งอยู่ 21% และถือเป็นคะแนนห่างที่มากที่สุดตั้งแต่ปี 2001 สำหรับผลดังกล่าว
ขณะที่เมื่อถามว่าไว้พรรคแรงงานพร้อมในการเลือกตั้งครั้งหน้าและ Keir Starmer ผู้นำพรรคแรงงานเหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปหรือไม่ ผลสำรวจบอกว่า Keir Starmer เหมาะสม 36% ไม่เหมาะสม 41% และพรรคแรงงานพร้อม 37% และไม่พร้อม 39%
ขณะที่ประเด็นหลักในเรื่องเศรษฐกิจและพลังงานพบว่าโดยส่วนใหญ่ไว้วางใจให้พรรคแรงงานเข้ามาแก้ไข ส่วนประเด็นอย่างการสนับสนุนยูเครนและการดำเนินการเรื่อง Brexit คนยังไว้ใจพรรคอนุรักษ์นิยมอยู่