5 สิ่งที่คนอาจไม่รู้เกี่ยวกับ “สมคิด”

“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจถึง 2 กระทรวง อย่างรมว. พาณิชย์ และกระทรวงการคลัง

ชื่อของเขาที่ถูกวางไว้ให้เป็นมือเศรษฐกิจอันดับต้นๆ ของประเทศ และเป็นเทคโนแครตที่เป็นมันสมองให้กับรัฐบาลพลเรือน อย่าง ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลหลังการรัฐประหาร (คสช.) อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วงเป็นการฟื้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตต้มยำกุ้งและภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ต่อเนื่องด้วยโควิดในต้นปี 63

“สมคิด” เกิดเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2496 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ปริญญาตรี ด้านเศรษฐศาสตร์การคลัง และเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท บริหารธุรกิจ (MBA) นิด้า ปริญญาเอก สาขาบริหารธุรกิจ การจัดการด้านการตลาด ที่ J.L. Kellogg Graduate School Northwestern University, US

และ 5 สิ่งที่คนอาจไม่รู้เกี่ยวกับคนชื่อ “สมคิด”

1. เป็นกุนซือมือไม้เศรษฐกิจ ให้กับนายกฯ อย่าง “ทักษิณ” และ “ประยุทธ์” ผ่านโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ OTOP, โครงการพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และล่าสุด บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือที่คุ้นชื่อในนาม “บัตรคนจน”

2. เจ้าของประโยคเด็ด ปี 2018 “คนจน หมดประเทศ” โดยเขากล่าวในงานสัมมนาไทยแลนด์ 2018 “จุดเปลี่ยนและความท้าทาย” จนเป็นที่เหน็บแนมสารพัดของนักการเมือง และประชาชนในขณะนั้น ว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน ขณะเดียวกันก็มีอีกมุมหนึ่งเกี่ยวกับประโยคนี้ว่าสมคิดไม่ได้บอกว่าจะทำให้คนจนหมดไป แต่พูดถึงโอกาสของประเทศไทย ที่จะเชื่อมโยงกับสภาวการณ์โลก และภูมิภาคในปี 2561 ทำให้โอกาสของเราสูงขึ้นที่จะหลุดพ้นจากความยากจน

3. เป็นมือการเมือง เจ้าของสมญานาม “ฤาษีเลี้ยง 4 กุมาร” (อุตตม, สนธิรัตน์, กอบศักดิ์ และสุวิทย์) ปลุกปั้นพรรคพลังประชารัฐเพื่อวางแผนสู้ศึกเลือกตั้งในปี 2562 และดัน พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นนายกฯ ต่ออีกสมัย ก่อนจะถูกการเมืองในพรรคขับพวกเขาทั้งหมดออกในปี 2563

4. ทีมของ “สมคิด” เป็นผู้ผลักดันนโยบาย Thailand 4.0 และ เป็นหนึ่งในผู้ผลักดัน ระบบพร้อมเพย์ แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าของระบบการเงินไทยให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้นในยุคนั้น และเป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังในการผลักดันโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC และโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน” หรือ SEZ 10 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาคเพื่อกระจายความมั่งคั่งไปสู่ท้องถิ่น

5. เจ้าของประโยค “คนดีเมืองไทยเยอะแยะ แต่อยู่ไม่ได้ หายออกจากการเมืองหมด” คำกล่าวทิ้งท้ายก่อนเขาและกลุ่ม 4 กุมารจะลาออกจากทุกตำแหน่งในรัฐบาลประยุทธ์ 2 และพรรคพลังประชารัฐ ถึงการบีบให้กลุ่มพวกเขาลาออกเพื่อชิงเก้าอี้รัฐมนตรี

ล่าสุดในปี 2565 สมคิดกลับมาอีกครั้งหลังซุ่มทำการเมืองอยู่นาน โดยปรากฏตัวอยู่กับพรรคสร้างอนาคตไทย หรือ “พรรคกลุ่ม 4 กุมาร” และรอบนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งท่าเป็นรองนายกฯ เช่นเดิม แต่กลับมาพร้อม แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับกลุ่มอนุรักษ์นิยมในประเทศหลังจากที่ฝ่ายขวาไทยแทบจะไม่มีคนฉายแววภาพของเศรษฐกิจได้เลย