Photo by IOC News
หลังจากจบศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ EURO 2020 ไปหมาดๆ และปล่อยให้แฟนบอลชาวไทยได้พักสายตาจากการอดหลับอดนอนเพื่อรับชมฟุตบอลตอนดึก เป็นเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เปลวไฟแห่งโอลิมปิกจะลุกโชติช่วงในสนามการแข่งขัน เพราะมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ฤดูร้อน ปี 2020 กำลังจะเปิดฉากเริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว ในวันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม 2564 นี้ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หลังจากเลื่อนการแข่งขันมาจัดขึ้นภายในปี 2021 ภายใต้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID – 19)
สำหรับกีฬาฟุตบอลชายในโอลิมปิกเกมส์ 2020 นี้ มีทีมชาติที่ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม จำนวน 16 ทีม และได้มีการจับฉลากเรียบร้อยแล้วที่เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่ม A: ญี่ปุ่น, แอฟริกาใต้, เม็กซิโก, ฝรั่งเศส
กลุ่ม B: นิวซีแลนด์, เกาหลีใต้, ฮอนดูรัส, โรมาเนีย
กลุ่ม C: อียิปต์, สเปน, อาร์เจนตินา, ออสเตรเลีย
กลุ่ม D: บราซิล, เยอรมนี, ไอวอรีโคสต์, ซาอุดีอาระเบีย
โดยกติกาของกีฬาฟุตบอลชายในโอลิมปิกเกมส์ หนึ่งทีมจะประกอบไปด้วยผู้เล่นอายุต่ำกว่า 23 ปีเป็นหลัก และผู้เล่นที่มีอายุเกินกว่า 24 ปี (เกิดในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1997) จะได้รับอนุญาตให้ส่งรายชื่อ เข้าร่วมการแข่งขันได้ไม่เกิน 3 คน รวมจำนวนนักเตะที่ส่งรายชื่อเข้าแข่งขันได้ทั้งหมด 22 คน ซึ่งการแข่งขันฟุตบอลชายในโอลิมปิกเกมส์ ถือได้ว่าเป็นเวทีให้เหล่านักเตะมหัศจรรย์ที่มีพรสวรรค์สูง (Wonderkids) ได้มีโอกาสโชว์ลวดลายฝีเท้าบนพื้นสนามหญ้า เฉกเช่นเดียวกับซุปเปอร์สตาร์ลูกหนังของโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ กับทีมชาติอาเจนติน่าที่เคยพาทีมคว้าเหรียญทองกีฬาฟุตบอลชายในโอลิมปิกเกมส์ ปี 2008 ได้สำเร็จ หรือแม้กระทั่ง เนย์มาร์กับทีมชาติบราซิลที่คว้าเหรียญทองในโอลิมปิกเกมส์ ปี 2016 ครั้งล่าสุด
และความพิเศษของโอลิมปิก 2020 ครั้งนี้ก็คือ กีฬาฟุตบอลจะมีการนำเทคโนโลยี VAR (Video Assistant Referee) เข้ามาช่วยในการตัดสินเป็นครั้งแรก บอกได้เลยว่าความบันเทิงระดับ 5 ดาว ตีเส้นล้ำหน้าดราม่าจุดโทษ กำลังจะมาเยือนอย่างแน่นอน!
ส่วนสังเวียนการฟาดแข้ง จะใช้สนามทั้งหมด 7 สนาม ใน 5 เมือง ได้แก่
– กรีฑาสถานแห่งชาติ เมืองโตเกียว (ความจุ 60,102 ที่นั่ง)
– สนามกีฬาโตเกียว เมืองโชฟุ (ความจุ 48,000 ที่นั่ง)
– สนามกีฬาไซตามะ เมืองไซตามะ (ความจุ 62,000 ที่นั่ง)
– สนามกีฬานานาชาติโยโกฮาม่า เมืองโยโกฮาม่า (ความจุ 70,000 ที่นั่ง)
– สนามกีฬาคาชิมะอิบารากิ เมืองคาชิมะ (ความจุ 42,000 ที่นั่ง)
– สนามกีฬามิยางิ เมืองริฟุ (ความจุ 48,000 ที่นั่ง)
– สนามกีฬาซัปโปโรโดม เมืองซัปโปโร (ความจุ 42,000 ที่นั่ง)
โดยคู่แรก จะเริ่มฟาดแข้งในวันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม 2564 ระหว่างทีมชาติอียิปต์ กับทีมชาติสเปน และคู่เอกประจำวันอยู่ที่ทีมชาติบราซิล ปะทะกับทีมชาติเยอรมนี เพราะเป็นการรีแมตซ์นัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 2016 ถ่ายทอดสดทางช่อง PPTV HD 36 (ไม่สามารถรับชมผ่านทางทรูไอดีได้ เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องลิขสิทธิ์)
อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะไปรับชมการแข่งขันฟุตบอล เราอาสาพาทุกท่านจำลองตัวเองเป็นแมวมอง (Scout) ไปส่องโปรไฟล์ 5 นักเตะดาวรุ่งที่มีโอกาสแจ้งเกิดในสังเวียนกีฬาฟุตบอลชาย โอลิมปิกเกมส์ 2020 ครั้งนี้
คนแรก: “ทาเคฟุสะ คุโบะ” (Takefusa Kubo)
อายุ: 20 ปี
ตำแหน่ง: กองกลางตัวรุก กองกลางตัวรุกฝั่งขวา และกองหน้า
สังกัด: สโมสรเรอัล มาดริด ประเทศสเปน
ทีมชาติ: ญี่ปุ่น
เจ้าหนูแข้งเทพผู้เป็นความหวังของทีมชาติเจ้าภาพ ปัจจุบัน คุโบะลงเล่นให้กับทีมเกตาเฟ่ด้วยสัญญายืมตัวกับผลงาน 18 นัด ซัดไป 1 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ คุโบะเป็นนักเตะที่มีเทคนิคความสามารถเฉพาะตัวสูง มีทักษะการเลี้ยงบอลที่เป็นเลิศ แถมยังมีความเร็วอีกต่างหาก น่าจับตามองว่า โอลิมปิกครั้งนี้เขาจะสามารถพาทีมชาติญี่ปุ่นประสบความสำเร็จได้หรือไม่ เพราะไม่ใช่งานง่ายเมื่อต้องเจอกับทีมอย่างแอฟริกาใต้ เม็กซิโก และฝรั่งเศส
คนที่สอง: “เอดูอาร์โด้ คามาแว็งก้า” (Eduardo Camavinga)
อายุ: 19 ปี
ตำแหน่ง: กองกลางตัวรับ และกองกลาง
สังกัด: สโมสรแรนส์ ประเทศฝรั่งเศส
ทีมชาติ: ฝรั่งเศส
คามาแว็งก้า ถือได้ว่าเป็นเพชรเม็ดงามของฝรั่งเศส เนื่องจากเป็นนักเตะเยาวชนที่ก้าวขึ้นมาเล่นเป็นตัวจริงให้กับทีมชุดใหญ่ของแรนส์ เป็นระยะเวลา 2 ปีติดต่อกันแล้ว และทำผลงานได้โดดเด่น โดยในฤดูกาลล่าสุด ลงเล่น 35 นัด ยิงไป 1 ประตู พร้อมจ่ายให้กับเพื่อนยิง 2 ประตู และกำลังเนื้อหอมอย่างมากในขณะนี้ เพราะมีทีมใหญ่อย่างสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับสโมสรปารีส แซ็งแฌร์แม็ง ให้ความสนใจคว้าตัวไปร่วมทีม สไตล์การเล่นของคามาแว็งก้าเป็นกองกลางตัวรับสมัยใหม่ ที่คอยหาจังหวะตัดเกมส์ สามารถแย่งบอลจากเท้าคู่แข่งได้เก่ง รวมถึงมีความเร็ว และมีความสามารถเลี้ยงหลบคู่ต่อสู้ ทำให้เขาสามารถเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์คับขัน ว่ากันว่าเขาจะกลายเป็นสตาร์ดวงใหม่ของทีมตราไก่ในอนาคตเลยทีเดียว
คนที่สาม: “เปดรี้” (Pedri)
อายุ: 18 ปี
ตำแหน่ง: กองกลาง กองกลางตัวรุก
สังกัด: สโมสรบาเซโลน่า ประเทศสเปน
ทีมชาติ: สเปน
เปดรี้ เป็นนักเตะที่จัดอยู่ในประเภทกองกลางจอมขยัน วิ่งได้ทั้งวันไม่มีหมด ผลงานส่วนตัวของเจ้าหนูรายนี้ในศึกฟุตบอลยูโร 2020 ที่ผ่านมา บอกได้เลยว่า เหลือเกินจริง ๆ สำหรับเด็กอายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น แต่มีความสามารถสูงเกินวัย โดยทำสถิติวิ่งสะสมเป็นระยะทางมากที่สุด อันดับที่ 3 ของทัวร์นาเมนต์ 76.14 กิโลเมตร และมีทักษะเฉพาะตัวครบเครื่องที่กองกลางสมัยใหม่ควรจะมี ทั้งเรื่องวิสัยทัศน์ในการจ่ายบอล การยืนตำแหน่ง สัมผัสแรกที่ดีเยี่ยม และการจ่ายบอลที่แม่นยำ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกองกลางอนาคตไกลของทีมชาติสเปน ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมชุดชาติใหญ่ได้อย่างลงตัว
คนที่สี่: “เอเซเกล บาร์โก” (Ezequiel Barco)
อายุ: 22 ปี
ตำแหน่ง: กองกลางตัวรุก
สังกัด: สโมสรแอตแลนต้า ยูไนเต็ด ประเทศสหรัฐอเมริกา
ทีมชาติ: อาร์เจนติน่า
สำหรับแข้งรายนี้ แฟนบอลที่ติดตามฟุตบอลในลีกชั้นนำคงจะไม่คุ้นชื่อของเขาสักเท่าไหร่ เพราะเจ้าหนูรายนี้ไปค้าแข้งอยู่ในเมเจอร์ลีกซอคเกอร์ (MLS) ของสหรัฐอเมริกา ทำให้เราไม่ค่อยมีโอกาสได้ชมฟอร์มการเล่นของเขา แต่หากค้นคว้าหาข้อมูลแล้วจะพบว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ติดทีม Major League Soccer All-Star Game ในปี 2018 และ ปี 2019 ซึ่งเป็นการแข่งขันพิเศษที่รวมทีมนักฟุตบอลที่ฟอร์มการเล่นโดดเด่นในเมเจอร์ลีกซอคเกอร์ปะทะกับทีมชั้นนำของประเทศอื่น และจากการได้ชมฟอร์มการเล่นบางส่วนแล้ว ถือว่าไม่ธรรมดา อีกทั้งเคยมีข่าวเชื่อมโยงกับทีมใหญ่อย่างสโมสรอาเซน่อลด้วย จึงอาจเป็นไปได้ว่าโอลิมปิกเกมส์คราวนี้ บาร์โกจะได้โชว์ศักยภาพที่มีในตัวเองออกมาให้ผู้ชมอย่างเราได้ประจักษ์
คนที่ห้า: “เปาลินโญ่” (Paulinho)
อายุ: 21 ปี
ตำแหน่ง: ปีกซ้าย ปีกขวา กองกลางตัวรุก
สังกัด: สโมสรไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในประเทศเยอรมนี
ทีมชาติ: บราซิล
เปาลินโญ่คนนี้ไม่ใช่คนเดียวกันกับเปาลินโญ่ที่เคยเล่นให้กับสโมสรท็อตแนม ฮอตสเปอร์หรือสโมสรบาร์เซโลน่าที่เราคุ้นหูคุ้นตา แต่เป็นเปาลินโญ่ที่เล่นให้กับเลเวอร์คูเซ่นในเยอรมนีต่างหาก หากนำชื่อไปค้นหาข้อมูลอาจสับสนได้ เพราะมีชื่อซ้ำกันหลายคน โดยเจ้าหนูรายนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ลีลาการเลี้ยงบอลตามสไตล์แซมบ้า และบวกกับพิษสงจากการยิงไกลในดี เทคนิคส่วนตัวเยี่ยม และมีความเร็วที่ไม่เป็นรองใคร เรียกได้ว่าถ้ามีโอกาสกระชากบอลหลุดไปได้แล้วก็ยากที่นักเตะคู่แข่งจะวิ่งไล่ตามได้ทัน
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของนักเตะดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์สูง และมีโอกาสแจ้งเกิดได้ในการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิกเกมส์2020 ซึ่งยังมีนักเตะดาวรุ่งอีกมากมายที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในบทความชิ้นนี้ แต่สำหรับคอฟุตบอล ความสนุกอย่างหนึ่งในการรับชมการแข่งขันฟุตบอลชาย กีฬาโอลิมปิกเกมส์ นั่นคือ การได้ค้นพบนักเตะดาวรุ่งรุ่นใหม่ ที่อาจกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ในวงการฟุตบอลของโลกต่อไป
ผู้เขียน: Topping
The POP LOVER PODCAST
.
แหล่งอ้างอิง
https://www.fifa.com/about-fifa/official-documents
https://olympics.com/tokyo-2020/en/sports/football/
https://twitter.com/equipedefrance?s=20
https://sport.trueid.net/detail/2PNxAA0axJjb
https://www.sportco.io/article/tokyo-olympics-2021-football-squad-argentina-brazil-254482