มีรายงานเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2023 ที่ผ่านมาว่า เทสลา ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารายใหญ่ของโลก ได้ทำการ “เรียกคืน” รถเป็นจำนวนกว่า 362,758 คัน เพื่อทำการอัพเดทซอฟต์แวร์ภายในรถ หลังจากมีการตรวจสอบพบว่าอาจจะส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้
อย่างไรก็ดี การ “เรียกคืน” ในครั้งนี้ จะไม่ได้เป็นการเรียกคืนรถเข้าศูนย์บริการแต่อย่างใด แต่จะเป็นการอัพเดทผ่านระบบไร้สายปกติอย่างที่เคยเป็นมา
สาเหตุของการเรียกคืน (หรือให้เจ้าของรถอัพเดท) มีที่มาจากการตรวจสอบของ “องค์กรบริหารความปลอดภัยบนท้องถนนของสหรัฐอเมริกา” (National Highway Traffic Safety Administration) ที่พบว่าระบบช่วยเหลือการขับขี่ของเทสลาอย่าง “Full Self-Driving Beta” ที่จะสามารถทำให้รถสามารถเคลื่อนที่ได้เองโดยอัตโนมัติ อาจจะทำงานได้ไม่ปลอดภัย
ปัญหาที่ NHTSA พบในระบบขับขี่อัตโนมัติของเทสลาก็คือ รถอาจจะมีปัญหาเวลาอยู่บริเวณแยกถนน เช่นอาจจะเกิดอาการขับตรงทั้งที่ถนนบังคับเลี้ยว รถจะมีอาการใช้ความเร็วขณะจำเป็นต้องหยุดที่แยก หรือรถไม่ยอมหยุดและพุ่งทะยานฝ่าไฟเหลือง เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบปัญหาที่ว่า ระบบ FSD ของเทสลายังอ่านค่าจำกัดความเร็วบนป้ายถนนไม่ได้อีกด้วย
ทั้งนี้ การที่เจ้าของรถเทสลาจะได้ใช้ระบบ FSD ที่กำลังอยู่ในช่วงทดลองนั้น จำเป็นจะต้องมีคะแนนความประพฤติบนท้องถนนระดับดีมาก และต้องจ่ายเพิ่มเติมจากราคารถถึง 15,000 เหรียญสหรัฐ หรือรายเดือนที่ 199 เหรียญสหรัฐต่อเดือน และแม้จะบอกว่าเป็นระบบขับขี่อัตโนมัติที่ไปจากที่หมายหนึ่ง สู่อีกที่หมายหนึ่งได้ด้วยตัวเอง แต่ระบบนี้ก็ยังจำเป็นต้องมีมนุษย์ควบคุมดูแลอยู่หลังพวงมาลัยตลอดเวลา
หลังจากการประกาศของ NHTSA ออกมาแล้ว ทางผู้บริหารเทสลาอย่าง “อีลอน มัสก์” ได้ออกมาระบุว่า การใช้คำว่าเรียกคืนดูจรุนแรงเกินไป เพราะตัวรถไม่ได้มีปัญหาใด ๆ เลย ปัญหาที่ว่าอยู่ในตัวของซอฟต์แวร์ที่ควบคุมรถ ดังนั้นแล้วไม่จำเป็นต้องเรียกคืน เทคโนโลยีสามารถทำให้เทสลาอัพเดทแก้ไขซอฟต์แวร์ของรถได้ไม่ว่ารถจะอยู่ที่ไหนบนโลก
สำหรับรถรุ่นที่จำเป็นต้องทำการ “อัพเดท” ก็จะมี Model S และ X ที่ออกมาระหว่างปี 2016 – 2023 Model 3 ที่ออกมาระหว่างปี 2017 – 2023 และ Model Y ที่ออกมาระหว่างปี 2020 – 2023
ที่มา