ในการสลายการชุมนุมของกลุ่มเยาวชน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ได้มีการใช้กระสุนยางเพื่อควบคุมสถานการณ์ นำมาซึ่งภาพความรุนแรง และเสียงวิจารณ์ถึงแนวทางการปฏิบัติ ว่าสมเหตุสมผลแล้วหรือไม่
.
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยืนยันว่าปฏิบัติตามหลักสากล กระสุนยางต่างประเทศเขาก็ใช้กัน
.
ศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความเห็นในเรื่องการใช้กระสุนยางว่า กระสุนยางคือกระสุนลวงโลก ที่เวลาปลอกเปลือกออกมา จะพบว่าข้างในเป็นเหล็กหล่อ หุ้มด้วยยาง หรือเป็นเหล็ก 41%
.
กลุ่มคนที่ทำงานอยู่ทางตะวันออกกลางเคยเล่าให้ ศ.ดร.ชัยวัฒน์ ฟังว่า คนที่โดนกระสุนยางยิง บอกว่าโดนกระสุนจริงยิงยังดีกว่า เพราะจัดการได้ง่ายกว่ากระสุนยางมาก บางครั้งกระสุนยางมีความรุนแรงกว่ากระสุนจริง เนื่องจากด้วยแรงกระแทกที่รุนแรงอาจทำให้กระดูกแตก ซึ่งอาจเป็นผลให้ต้องตัดบางส่วนของร่างกายที่ถูกยิง เช่น แขน กลายเป็นผู้พิการไปตลอดชีวิต
.
“ดังนั้น ควรจะเรียกมันใหม่ ว่ากระสุนกระดูกแตกหรือกระสุนเหล็กหุ้มยาง ซึ่งผมชอบคำว่ากระสุนกระดูกแตกมากกว่าเพราะเวลายิงโดนด้านหน้า ก็อาจจะทำให้กระดูกซี่โครงแตกได้ แต่ถ้ายิงสมอง ก็บาดเจ็บกันไป ซึ่งถ้าคนมีอายุโดนก็จะมีปัญหาได้”
.
ศ.ดร.ชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า กระสุนกระดูกแตกนี้มีการศึกษาจากนักวิจัยตั้งแต่ปี 1990 ถึง 2017 พบว่า 71% ของการใช้กระสุนยาง ทำให้เกิดการบาดเจ็บอย่างถาวร นอกจากนี้ งานวิจัย ยังชี้ว่า ไม่พบกรณีการใช้กระสุนยางที่ช่วยให้ความขัดแย้งลดลงหรือสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยขึ้นสำหรับทุกคน ดังนั้น จึงจะเห็นว่ากระสุนยางหรือกระสุนกระดูกแตกไม่เกิดประโยชน์กับใคร
.
“การใช้กระสุนยางเป็นการบอกว่าผู้ชุมนุมเป็นศัตรู ที่จะต้องทำให้พวกเขาหยุด ทำให้เห็นว่ารัฐเข้าใกล้ขอบเขตของความป่าเถื่อนมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพที่บอกว่าทหาร ตำรวจมีหน้าที่ปกปักรักษาประชาชน ก็จะถูกทำลายด้วยวิธีการจัดการแบบนี้”
.
สำหรับกระสุนยางนั้น แท้จริงแล้ว มีแกนเป็นโลหะหุ้มด้วยยาง หรือผสมระหว่างโลหะกับยางเป็นเนื้อเดียวกันโดยมีองค์ประกอบส่วนน้อยเป็นยาง มีอานุภาพทำให้ตายน้อยกว่ากระสุนโลหะล้วน แต่ก็ยังอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรง เช่น ตาบอด ทุพพลภาพถาวร และเสียชีวิตได้