เตือนเพื่อน

ผ่านไป 1 ปี สำหรับขบวนการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล มาวันนี้ฝ่ายรัฐปรับยุทธวิธี งัดกฎหมายและการปราบปรามอย่างเข้มข้น ทำให้การชุมนุมของเยาวชน ไม่มีผลสะทกสะท้านต่อรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่อย่างใด

กระนั้น การชุมนุมในระยะหลังๆ นี้ จบด้วยความรุนแรง เกิดการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) ไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้เป้าหมายของการขับไล่รัฐบาลยิ่งดูเลือนลางไปทุกที

สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในเชิงแสดงความห่วงใยว่า “หลังแนวคอนเทรนเนอร์ไม่มีขุมสมบัติ แต่คือกับดักที่ขุดให้เราตกหลุมพราง ต่อให้เดินผ่านไปถึงรั้วราบ 1 ก็ยังไม่ได้สิ่งที่หวัง แต่จะเจอกับดักอันที่สอง เมื่อข้ามกำแพงเข้าไปด้านในคือกับดักอันต่อไป ไม่มีสิ่งใดหลังตู้คอนเทรนเนอร์เลยเพื่อนเอ้ย เราเห็นเช่นนี้ ที่กล่าวมาไม่กล้าที่จะห้าม รู้ว่าเพื่อนเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ มันไม่ใช่สมรภูมิมันคือกับดัก”

วันที่ 15 ส.ค. ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้จัดคาร์ปาร์ค ประกาศให้ผู้ชุมนุมที่ปะทะกับตำรวจที่บริเวณแยกดินแดงเดินทางกลับ เขาบอกว่า “ไอ้น้องเอ้ย สมัยก่อนพี่เต้นก็ลุยอย่างพวกน้องนี่แหละวะ แต่วันนี้เราต่อสู้ทางการเมือง ไม่ได้มาใช้กำลัง ไม่ได้มาเอาชนะ คฝ. เรามาเอาชนะ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่างหาก”

ณัฐวุฒิ ออกตัวว่าไม่กล้าไปห้ามปรามผู้ชุมนุม แต่วิเคราะห์สาเหตุที่การชุมนุมระยะนี้จบด้วยความรุนแรงว่า “เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะเดินเข้าไปหาอันตราย แต่ด้วยการต่อสู้ของพวกเขามันเจ็บปวดมาแล้ว มันเกิดบาดแผลมาแล้ว มันมีความรู้สึกที่ถูกทำลาย มันมีร่างกายและอิสรภาพที่ถูกทำร้าย สิ่งเหล่านี้มันทำให้เกิดเป็นความกดดัน เป็นภาวะอารมณ์ความรู้สึกที่ต้องการจะขยับไปสู่ชัยชนะมากขึ้น ต้องการยกระดับความเข้มข้นของการต่อสู้มากขึ้น”

ด้าน สมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ดเสื้อแดง โพสต์ข้อความในวันที่ 24 ส.ค. ว่า ตอนนี้ทุกอย่างในเรื่องเลวๆ ทั้งนอกม็อบ ในม็อบ ตำรวจรับไปเต็มๆ ส่วนรัฐบาลสบายไป นั่งเฉยๆ หล่อๆ หาแดกกับชุดตรวจ วัคซีน ระดมทุนเพื่อการเลือกตั้งครั้งหน้า แบบสบายๆ

เขา กล่าวต่อว่า ต้องขอขอบคุณทีมทะลุแก๊ส ที่เสียสละอะไรหลายๆ อย่างในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่มันได้พิสูจน์แล้วว่า ม็อบมาถึงทางตันแล้วจริงๆ (หรืออาจไม่จริง) ทางตันคือ ห้วงเวลาที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ก็เป็นเวลา 1 ปี ม็อบได้ทำทุกอย่างในการต่อสู้เพื่อล้มล้างรัฐบาลชุดนี้ ม็อบเดินมาทุกทาง ไม่ว่าจะสันติวิธี เนื้อหาและข้อมูลต่างๆ ที่จะเอามาโจมตีรัฐบาล จนมาถึงยกระดับมาใช้ความรุนแรง สายพิราบไม่สำเร็จ จนมาสายเหยี่ยวก็ไม่สำเร็จ รัฐรับมือม็อบได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ด้วยการปราบปรามอย่างหนักหน่วง ทั้งในภาคสนามและกฎหมาย จนทุกภาคส่วนของผู้ปฏิบัติงานและเกี่ยวข้อง ขยับยากเสียเหลือเกิน

“น่าจะถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องมานั่งคิดว่า เราจะไปยังไงกันต่อกับขบวนการต่อสู้ในครั้งนี้ จะไปต่อหรือจะพอแค่นี้ ถ้าจะไปต่อจะไปยังไงคงต้องนั่งโต๊ะคุยกัน เพราะถ้าปล่อยไปแบบนี้ กำลังคนมีแต่จะเจ็บตัวและโดนคดีกันระนาว นั่นคือทำให้คนเราน้อยลง และน้อยลงเรื่อยๆ”